พรีวิว Xiaomi 13 Ultra เรือธงตัวใหม่ พร้อมวางจำหน่าย 7 มิถุนายน นี้
หลังจากที่ทาง Xiaomi ได้เปิดตัวโทรศัพท์ในรุ่นของ Xiaomi 13 Series กันไปแล้วก็มาถึงรุ่นพี่ใหญ่สุดของรุ่นที่ 13 นี้ โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Xiaomi 13 Ultra ที่ต้องบอกเลยว่า มันมีความน่าสนใจ และสมชื่อความเป็นรุ่นใหญ่ เรือธง อีกทั้งยังพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 7 มิถุนายนนี้แล้วด้วย ในบทความของ TamKung วันนี้เราจะมา
สเปก
- ชิปประมวลผล Qualcomm SM8550-AB Snapdragon 8 Gen 2
- หน้าจอขนาด 6.73 นิ้ว LTPO AMOLED
- ความละเอียด 1440 x 3200 พิกเซล อัตรา Refresh Rate 1-120 Hz
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (เลนส์ Leica)
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- หน่วยความจำ RAM 8 / 12 GB ROM 256 GB
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จกลับ 10W
ชิปประมวลผล
เรื่องแรกที่เราต้องมาพูดถึงคือ ความสามารถในด้านของชิปประมวลผล เพราะว่าครั้งนี้ทาง Xiaomi ได้เลือกใช้ชิปประมวลผลอย่าง Qualcomm SM8550-AB Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งขึ้นชื่อว่าเร็ว แรง และประหยัดพลังงานครับ หน่วยประมวลผลสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงตัวใหม่แทบจะเรียกได้ว่าใหม่ที่สุดในตลาดของสมาร์ทโฟนเลย อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Node ที่มีขนาดเพียงแค่ 4 นาโนเมตร ทั้งเล็ก ทั้งเบา ทำให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ให้กับตัวเครื่องได้เยอะนั่นเอง
สามารถเลือกใช้ตัว RAM และ ROM ได้ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ RAM 12 GB - 16 GB และเลือก ROM ได้ตั้งแต่ 256 GB - 1 TB กันเลย สามารถใช้งานได้อย่างจุกๆ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่พอต่อการใช้งานครับ
อีกทั้งยังใช้งานผ่าน Android 13 พร้อม MIUI 14 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของทาง Xiaomi เอง ซึ่งต้องบอกเลยว่า จากการทดลองใช้งานของผมเอง รู้สึกว่ามันลื่นไหล และใช้งานได้สะดวกมากๆ น่าตาน่ารัก ดูเป็นมิตรครับ
การออกแบบ
มาพร้อมดีไซน์ทรงเดียวกับกล้องคลาสสิค มีการใช้หนังเป็นพื้นผิวตัวเครื่องด้านหลัง ทำให้ดูมีความหรูหรา จับได้ถนัดมือ แต่หากใครมือเล็กก็อาจจะรู้สึกว่าใหญ่ไปหน่อย แต่หรูหรามากจริงๆ ครับ ผสมกับตัวกล้องแบบทรงกลม ทำให้เหมือนกับเป็นกล้องตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังได้รับมาตราฐานป้องกันน้ำ กันฝุ่นระดับ IP68 สามารถกันน้ำได้ค่อนข้างดีครับ เหมาะสำหรับการใช้งานด้านนอก ผู้ใช้งานก็หายห่วงว่าเครื่องจะโดนน้ำเข้าได้เลย
หน้าจอ
หน้าจอขนาด 6.73 นิ้ว LTPO AMOLED ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก พร้อมกับความละเอียด 3200 x 1440 พิกเซล ที่สามารถทำอัตรา Refresh rate ตั้งแต่ 1- 120 Hz ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม หรือดูหนัง หรือแม้แต่ใช้งานแบบธรรมดา ก็จะสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งให้ความสว่างได้สูงสุด 2600nits ที่เขาเคลมว่าสูงที่สุดในโลกนี้แล้วล่ะครับ
กล้อง
เรียกได้ว่าเป็นพระเอกที่สุดของ Xiaomi 13 Ultra นั่นคือเรื่องของกล้องครับ โดยที่มาให้จริงๆ ทั้งหมด 5 ตัว แบ่งเป็นกล้องหลัง 4 ตัว และกล้องหน้า 1 ตัว
- กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (เลนส์ Leica) เซ็นเซอร์ IMX989 ซึ่งเป็นตัวที่ใหญ่สุดครับ
- กล้อง Ultrawide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
ทั้ง 3 กล้องที่ว่ามาใช้เซ็นเซอร์ IMX858 ครับ เล็กลงหน่อย แต่ยังคงใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ
- กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
ต้องบอกก่อนว่าความโดดเด่นของ Xiaomi 13 Ultra คือการที่ได้ร่วมงานกับทาง Leica เพราะฉะนั้นสามารถการันตีได้เลยว่า การถ่ายภาพนั้นจะออกมาได้อย่างโดดเด่น อีกทั้งตอนนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Leica Street Photography ที่จะทำให้การถ่ายภาพนั้นสนุก และฉลาดมากยิ่งขึ้น เพราะจะสามารถถ่ายออกมาได้ดูสวย สมกับเป็นกล้อง Leica ได้อีกตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ จากการที่ได้ลองดูการถ่ายภาพก็ต้องบอกเลยว่า เป็นกล้องที่สามารถรับสายโทรเข้าได้เลยละครับ
ราคา 
Xiaomi 13 Ultra เปิดตัวมาด้วยกัน 3 ความจุคือ 12GB + 256GB, 16GB + 512GB และ 16GB + 1TB โดยราคาผมจะอ้างอิงมาจากประเทศจีนนะครับ
- รุ่น 12GB + 256GB = 5999 หยวน (ประมาณ 29,900 บาท)
- รุ่น 16GB + 512GB = 6499 หยวน (ประมาณ 32,400 บาท)
- รุ่น 16GB + 1TB = 7299 หยวน (ประมาณ 36,400 บาท)
สรุป 
ต้องบอกเลยว่า Xiaomi 13 Ultra ที่สุดของรุ่น Xiaomi 13 Series แล้วละครับ ที่ยกเอาทั้งความเจ๋ง ความเก่งของระบบต่างๆ ที่พัฒนามาอย่างยาวนาน และบอกเลยว่าความสามารถก็ไม่เป็นสองรองใครจริงๆ ทั้งการใช้งานที่ง่าย สะดวก กล้องก็เทพ แบตเตอรี่ก็อึด ให้ความหรูหราแก่ผู้ใช้งานจริงๆ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีความสามารถเยอะแบบนี้ก็ต้องมาพร้อมกับราคาที่อาจก็ยังสามารถจับต้องได้อยู่ครับ หากใครสนใจก็ต้องรอวันเข้าประเทศไทย แล้วสามารถเข้าไปจับจองกันได้