https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijzBJe7IwjcEjj2iICY-gMmQHJnsdOXvT2dt8X6idyXHbk5zD9x_nnkmNxK4Iaw_48vnmpEjX9_tnBvskNPrZ0RzNoOqKJVifYAroANqYRSvGSgXBgMtZCFogaJhZ6NalAkB54uhyP6zlwn2yJsh0hNn18-gWdC9BBpbec6T7-ws99e7p177_Wdfyr/s16000/20220420-2.jpg

เรียกได้ว่าเป็นกระแสสังคมกันเลย กับพลังของ Soft Power ที่ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ก็จะเห็นคำคำนี้อยู่ทั่วทุกที่กันเลย ทั้งบนอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ซึ่งหลายคนก็อาจจะรู้ถึงความหมายของมันแล้ว แต่ผมเองก็เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร วันนี้ในบทความของเรา จะพาทุกคนไปพูดคุยกันในเรื่องของ "Soft Power" พลังที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก

https://thaipbs-world.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/thaipbsworld/wp-content/uploads/2019/05/24094939/021.jpg

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจถึงความหมายโดยตรงของคำว่า Soft Power กันก่อนดีกว่าครับ เพราะว่าถ้าเอาไปใช้งานกับเรื่องอื่นๆ มันก็อาจจะมีการตีความหมายที่แตกต่างกันไป โดยจะสามารถแปลเป็นภาษาไทยว่า "อำนาจอ่อน" โดยถ้าหากให้เราเอาความหมายมาแปลความหมายอีกที ตัวอำนาจอ่อนมันก็คือ การขยายอิทธิพลในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางด้านของความคิด การได้มีคนอื่นมามีส่วนร่วม หรือการเปลี่ยนแปลงเรื่องพฤติกรรมของผู้อื่น โดยไม่ได้ใช้อำนาจที่ตรงกันข้ามอย่าง Hard Power ที่จะเป็นการใช้อำนาจเพื่อบังคับ เช่นอำนาจด้านเศรษฐกิจ อำนาจทางการทหารเป็นต้น โดยโจเซฟ เนย์ (Joseph S. Nye) นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกันได้จำแนก Soft Power เป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ วัฒนธรรม ค่านิยมทางการเมือง และนโยบายการต่างประเทศ

https://tonkit360.com/wp-content/uploads/2021/09/soft-power-1024x683.jpg

ซึ่งตัว Soft Power ที่ผมบอกว่าความหมายมันอาจจะไม่ได้หมายถึงอำนาจอ่อนเสมอไป นั้นก็เพราะว่า แต่ละประเทศที่นำเอา Soft Power มาประยุกต์ใช้กับนโยบายหรือการบริหารประเทศนั้นก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่ละภูมิภาค

ยกตัวอย่างประเทศแถบบ้านเราอย่าง ญี่ปุ่น ที่ได้ทำให้ Soft Power กลายมาเป็น Cool Japan และนโยบายแบบใช้ "ไม้อ่อน" ดั่งที่เราจะได้เห็นได้ในปี 1998 ที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการส่งออกรายการทีวี อุตสาหกรรมสื่อ และความบันเทิงอย่าง Animation หนังสือการ์ตูน เพลง Pop และไอดอลสู่ประเทศในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการนำเอาวิถีชีวิตแบบคนญี่ปุ่นและภาพความเป็นญี่ปุ่นในแบบใหม่ๆ ออกมาแสดงให้โลกได้เห็น

https://thesmartlocal.com/japan/wp-content/uploads/2020/03/Top-Anime-Movies-25.jpg

จริงๆ แล้วในเบื้องลึกเบื้องหลังของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มีการเผยแพร่ออกมานั้นเป็นการสร้างนโยบายและการสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จากภาครัฐ ที่เป็นส่วนในการผลักดันที่สำคัญ เพื่อให้ชื่อของประเทศญี่ปุ่น รวมถึงวัฒนธรรมนั้นถูกจดจำไปทั่วโลก

หรือจะเป็นประเทศที่มี Soft Power ที่โด่งดังอย่างมาในภูมิภาคเอเชียบ้านเราอย่าง ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งก็ได้มีการขยายอิทธิพลของวัฒนธรรมเกาหลี มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่จะส่งออกอิทธิพลทั้ง K-Pop ที่เป็นส่วนหนึ่งของการยกเครื่องภาคศิลปะและความบันเทิงของเกาหลีเพื่อแสดง ภาพ อำนาจทางวัฒนธรรมอย่างชัดเจน

https://thesmartlocal.com/korea/wp-content/uploads/2020/04/Thriller-Korean-Dramas15.jpg

ซึ่งตัว K-Pop นี่แหละที่เป็นตัวแทนของชาติที่แตกต่างกลับนำเสนอโอกาสสำหรับวัฒนธรรมและการครอบงำทางเศรษฐกิจผ่านการรวบรวมการแสดงออกทางศิลปะ ซึ่งก็ได้ผสมผสานทางวัฒนธรรมของภาษา รูปแบบภาพ และการเต้นรำ ล้วนแต่หล่อเลี้ยงโดยค่านิยมการผลิตของเกาหลีใต้และผู้สร้างเพลงระดับนานาชาติเลย

มาลองมองประเทศจีนกันบ้าง ที่ว่าเป็นประเทศที่ใช้Soft Power หรือไม่ เพราะเราก็คงจะได้เห็นข่าวอยู่มากมายว่า ประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งของโลก ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเมือง การทหารมาก แล้วเขาจะมีพลังอ่อนบ้างหรือไม่

https://img2.chinadaily.com.cn/images/201808/08/5b6a50a1a310add1c695bc7f.jpeg

โดยตามการจัดอันดับประเทศที่มีดัชนีด้าน Soft Power ที่จัดโดย Portland CommunicationsและUSC Center on Public Diplomacy ก็ได้จัดให้ประเทศจีนอยู่ในอันดับที่ 27 จาก 30 อันดับในเรื่องของดัชนี Soft Power ของปี 2018 และ 2019 ซึ่งเป็นในด้านของ "ผู้นำทางวัฒนธรรม"

https://www.chevening.org/wp-content/uploads/2019/06/China-2017.jpg

ซึ่งจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนก็กลายเป็นแหล่งดึงดูดใจ โดยสร้างสถาบันขงจื๊อ ขึ้นหลายร้อยแห่ง ทั่วโลกเพื่อสอนภาษาและวัฒนธรรม หรือแม้แต่เรื่องของการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา ที่กลายเป็นจุดหมายของเหล่านักศึกษาต่างประเทศ หรือจะเป็นเรื่องของสื่อต่างประเทศก็ตาม ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศจีนก็พยายามทำ Soft Power เป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องดูกันต่อไปในระยะยาวกันต่อไป

ทีนี้เราขอย้อนกลับมาที่ประเทศไทยของเรา กับ Soft Power ที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ที่ทำให้คนทั่วโลกได้รู้จักเรา อย่างอาหาร การบริการ หรือพวกศิลปะ แม่ไม้มวยไทยก็เช่นกันครับ รวมไปถึงเรื่องที่เหมือนๆ กับประเทศอื่นๆ อย่างละครและภาพยนตร์ไทย เพราะก็มีอิทธิพลไปประเทศใกล้เคียง รวมไปถึงโด่งดังข้ามทวีปก็มี ซึ่งรวมๆ ผมมองว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจ และยิ่งหากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐแบบจริงๆ จังๆ เหมือนอย่างประเทศอื่นๆ เขา ตัว Soft Power ของไทยเราเองนั้นก็น่าจะได้ผลไม่น้อยเลยทีเดียว

https://www.thetopfamous.com/wp-content/uploads/2020/05/Best-Thai-TV-Series-of-2020.jpg

เช่นเดียวกับที่เราได้เห็นข่าวในช่วงหลายวันที่ผ่านมากับข่าว "MILLI "มิลลิ" Coachella 2022 Rapper สาว พลังขับเคลื่อน 'Soft Power' นำความเป็นไทยสู่เวทีโลก ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกคนเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยเรา ได้นำพลังอ่อนออกไปเผยแพร่ในต่างประเทศได้ เพราะแค่ขนาดในบ้านเรา ก็ทำให้สถิติข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์ถลุงกว่า 3.5 เท่าภายใน 24 ชั่วโมงกันเลย หรือจะเป็น Lisa วง BlackPink ที่จุดกระแส 'ลูกชิ้นยืนกิน" ที่เล่นเอาเหล่าพ่อค้า แม่ค้าเขาขายได้เป็นเทน้ำเทท่าเลย

https://s.isanook.com/jo/0/ud/488/2443553/milli-88rising-coachella2022.jpg

โดย Soft Power ที่ว่ามานั้นก็ต้องมีประโยชน์ในทุกรูปแบบแก่ประเทศชาติ ประชาชน ธุรกิจ และองค์กรทุกรูปแบบและทุกขนาด โดยตราสินค้าของประเทศที่แข็งแกร่งและทัศนคติเชิงบวก ที่ทำให้ประเทศสามารถส่งเสริมตัวเองให้เป็นสถานที่สำหรับให้ผู้คนมาเยี่ยมชม ลงทุน และสร้างชื่อเสียงในด้านคุณภาพของสินค้าและบริการ นอกจากนี้ยังช่วยให้ประเทศได้รับเกียรติจากเพื่อนบ้าน ทำการตลาดทรัพยากรและนำเสนอหน้าตาของประเทศบนเวทีระหว่างประเทศอีกด้วยละครับ

https://www.salika.co/wp-content/uploads/2021/10/sofepower1.jpg

ไม่อยากจะคิดนะครับ ว่าหากในไทยเรานั้นมีการผลักดันเรื่อง Soft Power อย่างจริงจัง และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จริงๆ จากรัฐบาลหรือหน่วยงานภาครัฐ การจะเอาวัฒนธรรมของไทยไปเผยแพร่เพื่อให้ทั่วโลกได้รู้จักเรานั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะยากเท่าไหร่เลยนะครับ ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว การเติบโตเรื่องนี้ยังจำเป็นต้องพึ่งพานโยบายที่สร้างสรรค์ ไม่ปิดกันโดยความคิดเห็นของผู้คนในวงการจริงๆ จังๆ เพื่อการจัดการให้ถูกจุด และแผนที่ต้องทันยุคทันสมัยเพื่อก้าวให้ทันโลกของเรานั้นเองละครับ

ว่าแต่เพื่อนๆ ที่อ่านบทความของ TamKung มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ที่ช่องคอมเมนต์นะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบทความ

tandfonline | thediplomat | cfr | brandfinance | positioningmag