https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1600w/public/2022-06/20220616-1.jpg?itok=i0uActUi

ผมเชื่อได้ว่า หลายท่านที่กำลังอ่านบทความของผมอยู่ในตอนนี้น่าจะรู้จักกับ eSim กันอยู่ไม่มากก็น้อย แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ามันมีไว้เพื่ออะไร แล้วมันจะจำเป็นที่ต้องมีหรือไม่ ในบทความของ TamKung วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของ eSim ซิมมือถือยุคใหม่ที่ต้องต้องใช้ซิม


เรียกได้ว่าในยุคปัจจุบันนี้เรื่องของ eSim นับว่าเป็นเรื่องที่หลายคนได้ให้ความสนใจมากๆ เลยนะครับ เพราะมันเป็นเทคโนโลยีแปลกใหม่ ที่ไม่คิดว่ามันจะมี ที่ว่าการใช้ซิมโทรศัพท์แบบเดิมๆ ก็คือการเอาซิมการ์ดที่เป็นเหมือนชิปชิ้นเล็กๆ เสียบเข้าไปในโทรศัพท์ หรือเรียกได้ว่าหากโทรศัพท์มือถือเราไม่มีซิมมือถือ มันก็อาจจะไม่สามารถเรียกได้อย่างเต็มปาก ว่ามันคือโทรศัพท์นะครับ แต่ด้วยเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ทำให้เราสามารถพัฒนาอุปกรณ์ หรือการทำงานให้หลายๆ อย่างมันทำงานได้ดี และสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ นั่นก็คือเรื่องของ eSim นั่นเองครับ

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/sim-card-4475679_1920.jpg?itok=GykOoO9E

ในส่วนของ eSim นั้นอาจจะไม่ค่อนเน้นในเรื่องของการโทรเข้า-โทรออก แต่จะเป็นการใช้บริการเซลลูลาร์ หรือการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย รวมไปถึงการทำงานต่างๆ ก็ต้องพึ่งพาระบบอินเทอร์เน็ตไปเยอะพอสมควรแล้วนะครับ แต่เนื่องจากเราอาจจะยังคงติดปัญหาในเรื่องของการเปลี่ยนซิมการ์ด ทำให้ในหลายครั้งการใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นไม่สะดวกเท่าที่ควร เราเลยมีเทคโนโลยีที่มาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องนี้

eSim ได้เกิดขึ้นมาเพื่อลดปัญหาและช่วยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยที่ไม่ต้องเสียบซิมการ์ดในมือถือ หรืออุปกรณ์ที่รองรับนั่งเองละครับ  อย่างเช่นอุปกรณ์ IOT (Internet of Thing) ที่กำลังจะมามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา มีความจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Internet ตลอดเวลานั้น ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเองละครับ

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/sim-card-4475680_1920.jpg?itok=jkYgEoM3

ปัจจุบันการใช้งานของ eSim เริ่มเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายในการออกซิมการ์ด หรือการลดพื้นที่ ที่ไม่จำเป็นสำหรับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ของเรา เอาไปทำอย่างอื่นที่จะเกิดผลประโยชน์ที่มากกว่า


อุปกรณ์ที่รองรับ eSim

ตอนนี้ต้องยอมรับว่า การจะใช้งาน eSim มันจำเป็นต้องเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ เพราะหากเป็นรุ่นที่เก่าเกินไป อุปกรณ์ไม่อาจจะรองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ครับ ต้องดูข้อมูลจากค่ายต่างๆ ว่ากำหนดให้รุ่นไหนสามารถใช้งานได้บ้าง โดยผมจะยกตัวอย่างเป็นบางรุ่นนะครับ

  • Apple: iPhone XS, iPhone XS Max, iPhone XR หรือใหม่กว่า Apple Watch Series 3 รุ่น GPS + Cellular ขึ้นไป iPad Air (3rd Gen ขึ้นไป) iPad mini (5th Gen ขึ้นไป) iPad Pro 12.9-inch (3rd Gen ขึ้นไป)
  • Samsung: Samsung Galaxy Fold, Samsung Galaxy Z Fold 3, Samsung Galaxy S20, Samsung Galaxy Note 20, Samsung Galaxy S21 5G, Samsung Galaxy Watch eSIM 1.2", Samsung Galaxy Watch 3
  • Huawei: P40, P40Pro, Mate 40 Pro, Mate XS

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/sim-card-4475642_1920.jpg?itok=lkhPBOI_

แต่เดี๋ยวนี้มือถือรุ่นใหม่ๆ ที่ออกไม่ถึง 1-2 ปี ก็น่าจะใช้งาน eSim ได้เกือบหมดแล้วละครับ อย่างไรก็ตามสามารถสอบถามรายละเอียดได้ตามค่ายมือถือที่ผู้อ่านใช้งานได้เลยครับ


วิธีการเปิดบริการ eSim

อันนี้แนะนำว่าให้ลองสอบถามเครือข่ายของผู้อ่านก่อนนะครับ เพราะผมก็กลัวว่ามันอาจจะไม่ได้เหมือนกันในทุกค่ายครับ โดยครั้งนี้ผมใช้งานผ่านเครือข่ายสีฟ้าครับ

ขั้นตอนที่ 1: เข้าไปที่แอปการตั้งค่า > แตะเซลลูลาร์ > แตะเพิ่มแผนบริการ

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220616-1_0002_Group 2.jpg?itok=FggZPDE7

ขั้นตอนที่ 2: แตะแผนบริการเซลลูลาร์ที่มี > แตะเพิ่มแผนบริการเซลลูลาร์ที่ด้านล่างของหน้าจอ

ขั้นตอนที่ 3:บน iPhone เครื่องก่อนของก็จะมีข้อความเด้งขึ้นเพื่อ โดยจะถามว่าเราต้องการโอนย้าย หมายเลขโทรศัพท์นั้นหรือไม่ ก็กดโอนถ่ายได้เลยครับ

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220616-1_0001_Group 3.jpg?itok=eH-sYAml

ขั้นตอนที่ 4: ระบบจะเข้ามาสู่หน้าเว็บผู้ให้บริการ เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลอีกนิดหน่อย ก็ให้กรอกหมายเลขโทรศัพท์และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนที่ยืนยันกับเบอร์นั้นลงไปครับ

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220616-1_0000_Group 4.jpg?itok=ZvcYQGxM

เท่านี้ก็เป็นวิธีการเปิดการใช้งาน eSim ใน iPhone ของเราแล้วละครับ


ข้อดีของ eSim

สิ่งแรกที่เป็นประโยชน์มากๆ นั่นคือการลดพื้นที่ในการเสียบซิมการ์ดครับ โดยมันก็ค่อนข้างเปลืองพื้นที่ อย่างเช่นในโทรศัพท์มือถือ ก็จะต้องมีส่วนนี้เว้นไว้เพื่อเสียบการ์ด ยิ่งรุ่นไหนที่ใส่ได้ 2 ซืม ก็ยิ่งเปลืองพื้นที่ แถมหากใครที่จำเป็นต้องมีหลายเบอร์ เอาไว้ติดต่อหรือเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต มันก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ eSim นั้นสามารถให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Profile ได้สูงสุด 5 บัญชี นั้นหมายความว่า เหมือนเราเสียบซิมการ์ดจำนวน 5 ซิมการ์ดในเครื่องเดียวเลยครับ

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/sim-4729079_1920.jpg?itok=1dHr3yWP

หากเป็นเครื่องที่มีซิมเดียวหรือคนที่ใช้งานผ่าน iPhone ก็อาจจะสามารถมี 2 เบอร์ในเครื่องเดียวได้ โดยให้ในตัวเครื่องมี Physical ซิมการ์ด หรือซิมการ์ดจริงๆ เสียบไว้ แล้วอีกเบอร์ที่เปิดเป็น eSim นั้นทำให้โทรศัพท์ของเราใช้งานทั้ง eSim และ ซิมการ์ดจริงๆ ได้โดยที่ไม่ต้องไปเปิดถาดซิมแล้วเปลี่ยนซิมในตอนที่ต้องการใช้อีกเบอร์ครับ

ยกตัวอย่างเช่น หากเราเป็นคนที่เดินทางต่างประเทศบ่อย เราก็สามารถใช้เบอร์หลักเสียบไว้กับเครื่อง ส่วน eSim ก็ให้เปิดเป็นเบอร์อินเทอร์เน็ต ที่เหมาะสำหรับการเดินทางต่างประเทศ แล้วทีนี้เราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า เราจะไม่มีอินเทอร์เน็ตในการติดต่อ หรือการใช้งานแล้วละครับ

และสำหรับใครที่ใช้งาน iPad รุ่นที่เป็นแบบ Wifi อย่างเดียวก็อาจจะรู้ว่าเครื่องที่มีอยู่นั้นสามารถใช้งาน eSim ได้ไหม เพราะมันก็ไม่ได้เป็นการเอาซิมการ์ดเข้าไปเสียบที่เครื่องอยู่แล้ว และคำตอบคือ หากเป็นรุ่นสำหรับ Wifi จะไม่สามารถเสียบทั้งซิมการ์ดหรือการใช้บริการ eSim ได้นะครับ เพราะฉะนั้นหากต้องการใช้บริการ eSim ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับซิมการ์ดซะก่อนครับ