รีวิว Synology NAS เหมาะกับใคร ใช้แล้วคุ้มค่าไหม?
หลายคนรู้จัก Google Photo หรือการให้บริการเก็บรูปภาพผ่าน Google ซึ่งเมื่อก่อนบริการนี้ก็คือให้เราสามารถใช้งานได้เต็มที่ และฟรีไม่จำกัดพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ซึ่งผมเองก็เป็นคนใช้บริการนี้อยู่ แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทาง Google Photo ก็ออกมาบอกว่าหลังจากนี้จะเปลี่ยนจากการให้บริการฟรี ไม่จำกัดนั้นกลายเป็นต้องเสียเงินรายเดือน ทำให้เราต้องหาทางอื่นเพื่อเก็บไฟล์รูปภาพของเรา ซึ่งในบทความของ TamKung วันนี้จะมารีวิวอุปกรณ์ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการเก็บไฟล์ อย่าง Synology NAS มันเหมาะไหม เหมาะกับใคร
{tocify} $title={Table of Contents}
NAS คืออะไร?
เราต้องมาลองเข้าใจกันก่อนว่า NAS มันคืออะไร โดยถ้าหากให้ผมอธิบายให้เข้าง่ายๆ มันคือ Network Attached Storage หรือคืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของบ้านหรือที่ทำงาน ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ ทุกเวลาด้วยการผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเว็บเบราว์เซอร์ โดยข้อมูลนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ มีตั้งแต่ไฟล์งานธรรมดา ไฟล์วิดีโอ หรือไฟล์เพลงก็ย่อมเก็บได้ครับ หรือผู้ง่ายๆ เป็นการเปลี่ยนการเก็บไฟล์บน Cloud แต่มันมีที่บ้านของเรานั้นเอง
ทำไมเราต้องเลือกใช้ NAS?
ต้องบอกก่อนว่า NAS มันก็ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่อง Server ที่เอาไว้เก็บข้อมูลนั้นแหละครับ แต่มันจะมีความเล็กกว่า และราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับตัว Server เหล่านั้น หรือถ้าหากจะเป็นการเช่าที่เก็บพื้นที่ของไฟล์เหมือนกับ Google Photo ในยุคปัจจุบันนี้ก็อาจจะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนที่มากยิ่งขึ้น แต่หากเราซื้อ NAS มาก็เหมือนกับได้เครื่อง Server เก็บข้อมูลมาไว้ที่บ้านของเรานั้นเอง เรียกได้ว่าเราสามารถจับต้องกับอุปกรณ์ของเรา จะได้สบายใจหายห่วง
อีกทั้ง ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการจัดเก็บไฟล์ไว้ในระบบ Cloud สาธารณะคือ การที่ปล่อยให้คนอื่นเก็บไฟล์ส่วนตัวของเราไว้ทั้งหมดและมีค่าการสมัครใช้งานรายเดือนที่สูง โดยก็มีข้อบกพร่องของเรื่องการใช้งานกับ USB มีตั้งแต่การเข้าถึงแบบนอกสถานที่ไม่ได้ ไม่มีการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ และการพกพาอาจนำไปสู่การสูญหายหรือความเสียหายของข้อมูลได้ NAS คือทางเลือกที่ดีที่สุดและจำเป็นสำหรับบ้านเรือนในยุคใหม่ของเรานั้นเอง
รู้จักกับ Synology NAS
Synology เป็นผู้ผลิต NAS ชั้นนำได้พัฒนาและออกแบบอุปกรณ์นี้ให้ตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจที่กำลังเติบโต นอกจากนี้ตัว Synology NAS ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการของมันเองอย่าง DiskStation Manager (DSM) ที่จะทำให้การทำงานนั้นสะดวก และง่ายมากขึ้น ต่างจากยุคสมัยก่อนที่จะต้องมาเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการกับ NAS ซึ่งเอาเป็นว่า NAS ของ Synology เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่เอาไว้เก็บข้อมูล โดยที่มันจะทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากที่ไหนบนโลกของเราก็ได้ และเมื่อไหร่ก็ได้นั้นเองละครับ
Synology NAS นั้นทำงานอะไรได้บ้าง
จริงๆ แล้วการทำงานของ Synology NAS นั้นสามารถทำงานได้หลายอย่างมากๆ ทั้งการสำรองข้อมูล เก็บไฟล์รูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ เช่น
-
สำรองข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์และ Mac แบบอัตโนมัติ
ตัว Synology จะมีเครื่องมือ Drive ที่จะช่วยให้เราสามารถซิงค์ไฟล์ระหว่าง NAS ที่เป็นศูนย์กลางกับเครื่องPC หรือ Mac ของเราได้ โดย Drive มีฟังก์ชันรองรับการกู้คืนไฟล์เวอร์ชันก่อนหน้าและการแชร์ไฟล์ได้โดยตรงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด หรือถ้าเราใช้ Mac เราก็จะสามารถสำรองข้อมูลใน Mac ของคุณไปยัง Synology NAS ผ่าน Time Machine ได้ด้วยครับ
-
สำรองข้อมูลภาพถ่ายและวิดีโอสำหรับ iOS และ Android
อันนี้เป็นเรื่องที่อาจจะเป็นเรื่องสำคัญของเรา ในการเก็บรักษาไฟล์รูปภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรูปภาพที่ถ่ายจากการไปเที่ยวในรอบหลายปีกับครอบครัว หรือจะเป็นรูปภาพแห่งความทรงจำ เราก็คงไม่อยากให้มันหายไปไหน หากเราจะใช้บริการของผู้ให้บริการ Cloud ต่างๆ ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ Synology NAS มี Synology Photos ที่สามารถสำรองข้อมูลรูปภาพไว้ด้วยกัน และมีทั้งระบบจัดเรียงภาพตามใบหน้า สถานที่ด้วยเทคโนโลยี AI อีกด้วย
-
สามารถใช้เพื่อการ Streaming สื่อ ภาพยนตร์ภายในบ้าน
หากเรามีไฟล์ภาพยนตร์ที่ซื้อมา(แบบถูกลิขสิทธิ์) หรือไฟล์รูปภาพที่ต้องการเปิดโชว์ผ่าน TV ที่บ้าน เมื่อก่อนเราอาจจะต้องไปเอา USB Flashdrive มาเสียบเพื่อเปิดไฟล์เหล่านั้น แต่ถ้าเราใช้ Synology NAS จะมี Video Station มาให้ เพื่อให้เราสามารถเชื่อมต่อ TV กับ Synology NAS ของเราได้ แล้วเราก็จะสามารถเปิดไฟล์เหล่านั้นดูได้ทันที ไม่ต้องไปเสียเวลาข้ามไปข้ามมาเลยละครับ
-
สามารถแชร์และรวบรวมไฟล์ได้
หากเรามีไฟล์ที่เก็บไว้ใน Synology NAS แล้ว อยากจะแชร์ไปให้เพื่อนๆ ได้ดูไฟล์เหล่านั้น ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาไปอัปโหลดที่อื่นๆ โดยเราสามารถกดแชร์ได้จากหน้าโฟลเดอร์ของเราได้เลย เพื่อสร้างลิงก์ไฟล์ หรือจะเป็นการแชร์โฟลเดอร์เพื่อขอให้เพื่อนหรือคนอื่นๆ อัปโหลดไฟล์มาให้เราใน Synology NAS ของเราได้เลย เรียกได้ว่าสามารถทำได้ทั้งสายรุกและสายรับเลยครับ
ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ Synology NAS สามารถทำงานได้ นอกจากนี้มันยังสามารถทำงานในด้านอื่นๆ นอกจากการเป็นเพียงตัวเก็บไฟล์ข้อมูลแล้ว Synology NAS ยังสามารถเป็น Hub ของกล้องวงจรปิดแบบ IP CAM ได้ เพราะมี Surveillance Station ที่ให้พื้นที่แสดงกล้องฟรีถึง 2 ตัว(หากต้องการเพิ่มสามารถซื้อบริการเพิ่มได้ครับ) หรือการเป็น Server ของ Website ที่สามารถติดตั้ง Apache, Joomla, Node.JS หรือจะเป็น Wordpress ก็สามารถติดตั้งได้ ซึ่งทั้งหมดที่ผมว่ามา สามารถติดตั้งได้ง่ายๆ ผ่าน Package Center ที่มีให้เลือกติดตั้งกว่า 100 ส่วนเสริม ที่จะให้ Synology NAS เป็นมากกว่า NAS ธรรมดานั่นเอง
อีกหนึ่งความสามารถของ Synology NAS คือการมี QuickConnect ID ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึง NAS ของได้สะดวก และทำให้เราไม่ต้องทำการตั้งค่าเราเตอร์ให้ยุ่งยาก มี UI ที่ใช้งานง่ายและการสอนใช้งานที่ครอบคลุม ยังช่วยให้เราสามารถจัดการ NAS ได้ง่ายดายมากขึ้นครับ
ข้อดีของการใช้ Synology NAS
-
ใช้งานออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่บนโลก
สิ่งที่ตอบโจทย์ของการทำงาน Work from Home ด้วย NAS ของ Synology คือ เราสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงข้อมูลใน NAS ได้จากที่ไหนก็ได้ ผ่านระบบ QuickConnect ID เราสามารถสร้าง User พร้อมตั้งการอนุญาตให้เข้ามาใช้งานไฟล์ใน NAS ได้ ไม่จำเป็นต้องจำ IP ให้ยุ่งยาก ใช้เป็น ID ก็เชื่อมต่อได้เลยโดยจะเข้าผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็ได้ พูดง่ายๆ ก็เหมือนเรามี Cloud ส่วนตัวเอาไว้ที่บ้านของเราเองเลย
- ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆ
ปกติเวลาเราจะใช้พื้นที่เยอะบน Cloud Storage ยังไงก็ต้องเสียเงินเป็นรายเดือน จะกี่บาทก็ว่ากันไป แต่จะคุ้มกว่าไหมหากเรามี NAS อยู่ที่บ้าน จ่ายเงินก้อนเดียวจบ ไม่ต้องเสียเงินรายเดือนให้วุ่นวาย แถมสามารถดึงข้อมูลออกมาแบบออฟไลน์ความเร็วสูงผ่านสาย LAN หรือ USB ได้อีกด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วการใช้ NAS เพียง 3 ปีก็คุ้มทุนกว่าใช้ Cloud แบบปกติแล้วนั่นเองครับ
-
ปรับขยายพื้นที่จัดเก็บได้ตามความต้องการ
เราสามารถเลือกขนาดของเครื่องได้ตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ก็สามารถใช้งาน DSM ได้เหมือนกัน โดยเมื่อเราต้องการขยายขนาดของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ก็สามารถซื้อ Storage ที่เก็บข้อมูลมาเสียบเพิ่มได้ง่ายๆ และนอกจากนั้นในตัวของ Synology NAS ยังมีระบบจัดการกับไฟล์ที่มีความทับซ้อนกัน ก็คือมันจะจัดการกับไฟล์ที่เหมือนกันๆ จะได้ไม่เป็นการเปลืองพื้นที่ในการเก็บข้อมูลอีกด้วยละครับ
- มีกลยุทธ์การปกป้องข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
Synology NAS มาพร้อมกับแพคเกจการสำรองและกู้คืนข้อมูลในตัว ช่วยให้สามารถวางแผนปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรด้วยกลยุทธ์ 3-2-1ได้ตามต้องการ และควบคุมการจัดการงานสำรองข้อมูลทั้งหมดผ่าน Console เดียว ธุรกิจสามารถเลือกใช้งานโซลูชันสำรองข้อมูล ช่วยให้เราสามารถรวมศูนย์งาน สำรองข้อมูลทั้งหมด ด้วยกลยุทธ์งานสำรองข้อมูลทั้งในและนอกสถานที่ ปกป้องการโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างง่ายดายและครอบคลุม ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม
ข้อเสียของการใช้ Synology NAS
-
ความเร็วของการโอนถ่ายข้อมูลอาจจะช้า
คือต้องบอกก่อนว่าหลายคนที่กำลังมองหา NAS อาจจะคิดว่าเอามาเก็บไฟล์เพื่อเตรียมสำหรับการตัดต่อวิดีโอ ซึ่งอันนี้ต้องบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่ได้ดึงไฟล์กันทันที เพราะว่าความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมันจะถูกจำกัดด้วยเรื่องของ Network ที่ไม่อาจจะแรงพอ หรือเรียกได้ว่ามันจะดึงข้อมูลมาไม่ทัน ทำให้การตัดต่อวิดีโอนั้นทำไม่ได้ ทางที่ดีก็คือเอาไว้เก็บไฟล์งานเก่าๆ อันนี้ก็ได้อยู่
- เรื่องของการใช้งาน Physical Drive ก็มีอายุไข
ไม่ว่าเรื่อง HDD/SSD เกรด NAS/Server ยังไงวันใดวันหนึ่งมันก็ต้องเสื่อมสภาพจนใช้งานไม่ได้นั้นแหละครับ เพราะว่าพวก HDD เหล่านี้มันทำงานตลอด 24 ชั่วโมงมันก็ทำให้เวลาของการเสื่อมสภาพนั้นเร็วมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างจากประกันข้อมูลสูญหายของ Seagate Iron Wolf ประกันและกู้ให้ฟรีมีระยะที่ 3 ปี ส่วน Product Warranty อยู่ที่ 3 ปี และแบบ Pro ที่ 5 ปี ซึ่งมันยังมีเรื่องของที่ตั้งของเครื่องฝุ่น ความชื้นหรือแก้แต่กระแสไฟฟ้า เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหมั่นดูแลเครื่องเอง เพราะไม่มีคนมาดูแลให้นั้นเองครับ
-
งบการซื้อเครื่องเพื่อการใช้งานอาจจะแรงอยู่
คืออยากจะบอกว่าตอนแรกที่ผมตัดสินใจอยากจะซื้อ NAS ผมหาข้อมูลไม่ค่อยได้ เกี่ยวกับการใช้งาน แต่พอมาได้ใช้งานจริงๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่ผมนั้นไม่ได้นึกถึง เรื่องแรกคือราคาของตัวเครื่องเอง อย่าง NAS ของ Synology นั้นมีให้เลือกอยู่หลายรุ่น หลายราคา เช่นอย่างผมเลือกเป็น DS220+ ซึ่งเป็นรุ่น 2 BAY (คือใส่ HDD ได้ 2 ก้อน) ซึ่งราคาอยู่ที่ 10,750 บาท แถมต้องซื้อ HDD อีก 2 ลูกที่เป็นเกรดสำหรับทำ NAS โดยผมเลือก 8 TB HDD SEAGATE IRONWOLF ราคาอยู่ที่ 8,850 บาท ตอนแรกผมนึกว่ามีเท่านี้ครับ แต่ผมลืมเรื่องของการสำรองไฟ เพราะเครื่อง NAS ไม่ได้มีระบบพลังงานสำรอง ถ้าวันไหนไฟดับ ไฟกระชาก HDD ของผมนั้นไปทันทีแน่นอน ก็ต้องซื้อเครื่องสำรองไฟมาอีก 3-4 พันบาท แถมต้องเปลี่ยน Router WI-FI เพื่อความเสถียรของ Network อีก 1-2 พันบาท รวมๆ ราคาในการใช้งานคือ 3X,XXX บาทเลยละครับ
สรุปจาก TamKung เอง
แม้เรื่องจะเยอะ แต่ผมก็ยังอยากจะแนะนำสำหรับใครที่ต้องการ Cloud ส่วนตัว พื้นที่เก็บไฟล์ที่บ้านสำหรับคนในครอบครัว หรือจะเป็นคนทำธุรกิจเล็กๆ ที่มีทีมงานไม่ได้เยอะมาก ก็สามารถเลือกใช้ NAS ได้ตามความเหมาะสม และหากมีการขยายธุรกิจที่เติบโต ก็สามารถเลือกเพิ่มได้อีกหลากหลายอย่าง ซึ่งจากการใช้งานมากว่า 1 ปี ผมมองว่ามันคุ้มค่าราคาที่ต้องจ่ายไป เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าบริการ Cloud รายปีไปได้ค่อนข้างมาก แถมไม่ค่อยเสี่ยงมากอีกด้วยละครับ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของแอพพลิเคชั่นที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งบนคอมพิวเตอร์ MacOS หรืออุปกรณ์บนโทรศัพท์ iOS หรือ Android ก็มีเช่นกัน เรียกได้ว่าจบครบ ในเครื่องเดียวครับ หากใครที่สนใจอยากจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่
อันนี้แนะนำให้ลองศึกษาดูก่อน ว่าการใช้งานของเรานั้นจะคุ้มไหม ถ้าไม่คุ้มการใช้ Cloud แบบรายเดือนก็อาจจะคุ้มมากกว่า ต้องดูกันไปเป็นรายบุคคลนะครับ
เครดิต
รูปภาพหน้าปก / รูปภาพประกอบบทความ - TamKung(ผู้เขียน)
ฟัง TamKung Podcast ได้ที่ Spotify Podcast | Apple Podcast | Google Podcast
ติดตาม TamKung ได้ที่ TamKung
ติดตาม TamKungPhoto ได้ที่ #TamKungPhoto