หลายคนรู้จัก Google Photo หรือการให้บริการเก็บรูปภาพผ่าน Google ซึ่งเมื่อก่อนบริการนี้ก็คือให้เราสามารถใช้งานได้เต็มที่ และฟรีไม่จำกัดพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ซึ่งผมเองก็เป็นคนใช้บริการนี้อยู่ แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทาง Google Photo ก็ออกมาบอกว่าหลังจากนี้จะเปลี่ยนจากการให้บริการฟรี ไม่จำกัดนั้นกลายเป็นต้องเสียเงินรายเดือน ทำให้เราต้องหาทางอื่นเพื่อเก็บไฟล์รูปภาพของเรา ซึ่งในบทความของ TamKung วันนี้จะมารีวิวอุปกรณ์ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการเก็บไฟล์ อย่าง Synology NAS มันเหมาะไหม เหมาะกับใคร

{tocify} $title={Table of Contents}

NAS คืออะไร?

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0012_Group 5.jpg?itok=fNEMwgfa

เราต้องมาลองเข้าใจกันก่อนว่า NAS มันคืออะไร โดยถ้าหากให้ผมอธิบายให้เข้าง่ายๆ มันคือ Network Attached Storage หรือคืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของบ้านหรือที่ทำงาน ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่ ทุกเวลาด้วยการผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเว็บเบราว์เซอร์ โดยข้อมูลนั้นจะเป็นอะไรก็ได้ มีตั้งแต่ไฟล์งานธรรมดา ไฟล์วิดีโอ หรือไฟล์เพลงก็ย่อมเก็บได้ครับ หรือผู้ง่ายๆ เป็นการเปลี่ยนการเก็บไฟล์บน Cloud แต่มันมีที่บ้านของเรานั้นเอง

ทำไมเราต้องเลือกใช้ NAS?

ต้องบอกก่อนว่า NAS มันก็ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่อง Server ที่เอาไว้เก็บข้อมูลนั้นแหละครับ แต่มันจะมีความเล็กกว่า และราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับตัว Server เหล่านั้น หรือถ้าหากจะเป็นการเช่าที่เก็บพื้นที่ของไฟล์เหมือนกับ Google Photo ในยุคปัจจุบันนี้ก็อาจจะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนที่มากยิ่งขึ้น แต่หากเราซื้อ NAS มาก็เหมือนกับได้เครื่อง Server เก็บข้อมูลมาไว้ที่บ้านของเรานั้นเอง เรียกได้ว่าเราสามารถจับต้องกับอุปกรณ์ของเรา จะได้สบายใจหายห่วง

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0013_Group 3.jpg?itok=dbrxpd3I

อีกทั้ง ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการจัดเก็บไฟล์ไว้ในระบบ Cloud  สาธารณะคือ การที่ปล่อยให้คนอื่นเก็บไฟล์ส่วนตัวของเราไว้ทั้งหมดและมีค่าการสมัครใช้งานรายเดือนที่สูง โดยก็มีข้อบกพร่องของเรื่องการใช้งานกับ USB มีตั้งแต่การเข้าถึงแบบนอกสถานที่ไม่ได้ ไม่มีการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติ และการพกพาอาจนำไปสู่การสูญหายหรือความเสียหายของข้อมูลได้ NAS คือทางเลือกที่ดีที่สุดและจำเป็นสำหรับบ้านเรือนในยุคใหม่ของเรานั้นเอง

รู้จักกับ Synology NAS

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0006_Screen Shot 2565-04-08 at 17.01.52 (2).jpg?itok=b1PZ2dJn

Synology เป็นผู้ผลิต NAS ชั้นนำได้พัฒนาและออกแบบอุปกรณ์นี้ให้ตอบโจทย์การใช้งานของธุรกิจที่กำลังเติบโต นอกจากนี้ตัว Synology NAS ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการของมันเองอย่าง DiskStation Manager (DSM) ที่จะทำให้การทำงานนั้นสะดวก และง่ายมากขึ้น ต่างจากยุคสมัยก่อนที่จะต้องมาเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการกับ NAS ซึ่งเอาเป็นว่า NAS ของ Synology เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่เอาไว้เก็บข้อมูล โดยที่มันจะทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากที่ไหนบนโลกของเราก็ได้ และเมื่อไหร่ก็ได้นั้นเองละครับ

Synology NAS นั้นทำงานอะไรได้บ้าง

จริงๆ แล้วการทำงานของ Synology NAS นั้นสามารถทำงานได้หลายอย่างมากๆ ทั้งการสำรองข้อมูล เก็บไฟล์รูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ เช่น

  • สำรองข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์และ Mac แบบอัตโนมัติ

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0003_Screen Shot 2565-04-08 at 17.42.19 (2).jpg?itok=2IhMGDZh

ตัว Synology จะมีเครื่องมือ Drive ที่จะช่วยให้เราสามารถซิงค์ไฟล์ระหว่าง NAS ที่เป็นศูนย์กลางกับเครื่องPC หรือ Mac ของเราได้ โดย Drive มีฟังก์ชันรองรับการกู้คืนไฟล์เวอร์ชันก่อนหน้าและการแชร์ไฟล์ได้โดยตรงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด หรือถ้าเราใช้ Mac เราก็จะสามารถสำรองข้อมูลใน Mac ของคุณไปยัง Synology NAS ผ่าน Time Machine ได้ด้วยครับ

  • สำรองข้อมูลภาพถ่ายและวิดีโอสำหรับ iOS และ Android

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0002_Group 6.jpg?itok=09RrPraL

อันนี้เป็นเรื่องที่อาจจะเป็นเรื่องสำคัญของเรา ในการเก็บรักษาไฟล์รูปภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรูปภาพที่ถ่ายจากการไปเที่ยวในรอบหลายปีกับครอบครัว หรือจะเป็นรูปภาพแห่งความทรงจำ เราก็คงไม่อยากให้มันหายไปไหน หากเราจะใช้บริการของผู้ให้บริการ Cloud ต่างๆ ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ Synology NAS มี Synology Photos ที่สามารถสำรองข้อมูลรูปภาพไว้ด้วยกัน และมีทั้งระบบจัดเรียงภาพตามใบหน้า สถานที่ด้วยเทคโนโลยี AI อีกด้วย

  • สามารถใช้เพื่อการ Streaming สื่อ ภาพยนตร์ภายในบ้าน

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0000_Screen Shot 2565-04-08 at 17.48.15 (2).jpg?itok=NxRMvjxV

หากเรามีไฟล์ภาพยนตร์ที่ซื้อมา(แบบถูกลิขสิทธิ์) หรือไฟล์รูปภาพที่ต้องการเปิดโชว์ผ่าน TV ที่บ้าน เมื่อก่อนเราอาจจะต้องไปเอา USB Flashdrive มาเสียบเพื่อเปิดไฟล์เหล่านั้น แต่ถ้าเราใช้ Synology NAS จะมี Video Station มาให้ เพื่อให้เราสามารถเชื่อมต่อ TV กับ Synology NAS ของเราได้ แล้วเราก็จะสามารถเปิดไฟล์เหล่านั้นดูได้ทันที ไม่ต้องไปเสียเวลาข้ามไปข้ามมาเลยละครับ

  • สามารถแชร์และรวบรวมไฟล์ได้

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0001_Screen Shot 2565-04-08 at 17.46.52 (2).jpg?itok=nfWBOODq

หากเรามีไฟล์ที่เก็บไว้ใน Synology NAS แล้ว อยากจะแชร์ไปให้เพื่อนๆ ได้ดูไฟล์เหล่านั้น ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาไปอัปโหลดที่อื่นๆ โดยเราสามารถกดแชร์ได้จากหน้าโฟลเดอร์ของเราได้เลย เพื่อสร้างลิงก์ไฟล์ หรือจะเป็นการแชร์โฟลเดอร์เพื่อขอให้เพื่อนหรือคนอื่นๆ อัปโหลดไฟล์มาให้เราใน Synology NAS ของเราได้เลย เรียกได้ว่าสามารถทำได้ทั้งสายรุกและสายรับเลยครับ


ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ Synology NAS สามารถทำงานได้ นอกจากนี้มันยังสามารถทำงานในด้านอื่นๆ นอกจากการเป็นเพียงตัวเก็บไฟล์ข้อมูลแล้ว Synology NAS ยังสามารถเป็น Hub ของกล้องวงจรปิดแบบ IP CAM ได้ เพราะมี Surveillance Station ที่ให้พื้นที่แสดงกล้องฟรีถึง 2 ตัว(หากต้องการเพิ่มสามารถซื้อบริการเพิ่มได้ครับ) หรือการเป็น Server ของ Website ที่สามารถติดตั้ง Apache, Joomla, Node.JS หรือจะเป็น Wordpress ก็สามารถติดตั้งได้ ซึ่งทั้งหมดที่ผมว่ามา สามารถติดตั้งได้ง่ายๆ ผ่าน Package Center ที่มีให้เลือกติดตั้งกว่า 100 ส่วนเสริม ที่จะให้ Synology NAS เป็นมากกว่า NAS ธรรมดานั่นเอง

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0005_Screen Shot 2565-04-08 at 17.02.30 (2).jpg?itok=ZYHxHUAp

อีกหนึ่งความสามารถของ Synology NAS คือการมี QuickConnect ID ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึง NAS ของได้สะดวก และทำให้เราไม่ต้องทำการตั้งค่าเราเตอร์ให้ยุ่งยาก มี UI ที่ใช้งานง่ายและการสอนใช้งานที่ครอบคลุม ยังช่วยให้เราสามารถจัดการ NAS ได้ง่ายดายมากขึ้นครับ

ข้อดีของการใช้ Synology NAS

  • ใช้งานออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลได้จากทุกที่บนโลก

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0007_Screen Shot 2565-04-08 at 17.01.21 (2).jpg?itok=_t1rjbBx

สิ่งที่ตอบโจทย์ของการทำงาน Work from Home ด้วย NAS ของ Synology คือ เราสามารถเชื่อมต่อเข้าถึงข้อมูลใน NAS ได้จากที่ไหนก็ได้ ผ่านระบบ QuickConnect ID เราสามารถสร้าง User พร้อมตั้งการอนุญาตให้เข้ามาใช้งานไฟล์ใน NAS ได้ ไม่จำเป็นต้องจำ IP ให้ยุ่งยาก ใช้เป็น ID ก็เชื่อมต่อได้เลยโดยจะเข้าผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนก็ได้ พูดง่ายๆ ก็เหมือนเรามี Cloud ส่วนตัวเอาไว้ที่บ้านของเราเองเลย

  • ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆ

ปกติเวลาเราจะใช้พื้นที่เยอะบน Cloud Storage ยังไงก็ต้องเสียเงินเป็นรายเดือน จะกี่บาทก็ว่ากันไป แต่จะคุ้มกว่าไหมหากเรามี NAS อยู่ที่บ้าน จ่ายเงินก้อนเดียวจบ ไม่ต้องเสียเงินรายเดือนให้วุ่นวาย แถมสามารถดึงข้อมูลออกมาแบบออฟไลน์ความเร็วสูงผ่านสาย LAN หรือ USB ได้อีกด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วการใช้ NAS เพียง 3 ปีก็คุ้มทุนกว่าใช้ Cloud แบบปกติแล้วนั่นเองครับ

  • ปรับขยายพื้นที่จัดเก็บได้ตามความต้องการ

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/Screen Shot 2565-04-08 at 17.58.51.png?itok=uMeo80lQ

เราสามารถเลือกขนาดของเครื่องได้ตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก หรือรุ่นใหญ่ก็สามารถใช้งาน DSM ได้เหมือนกัน โดยเมื่อเราต้องการขยายขนาดของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ก็สามารถซื้อ Storage ที่เก็บข้อมูลมาเสียบเพิ่มได้ง่ายๆ และนอกจากนั้นในตัวของ Synology NAS ยังมีระบบจัดการกับไฟล์ที่มีความทับซ้อนกัน ก็คือมันจะจัดการกับไฟล์ที่เหมือนกันๆ จะได้ไม่เป็นการเปลืองพื้นที่ในการเก็บข้อมูลอีกด้วยละครับ

  • มีกลยุทธ์การปกป้องข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

Synology NAS มาพร้อมกับแพคเกจการสำรองและกู้คืนข้อมูลในตัว ช่วยให้สามารถวางแผนปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรด้วยกลยุทธ์ 3-2-1ได้ตามต้องการ และควบคุมการจัดการงานสำรองข้อมูลทั้งหมดผ่าน Console เดียว ธุรกิจสามารถเลือกใช้งานโซลูชันสำรองข้อมูล ช่วยให้เราสามารถรวมศูนย์งาน สำรองข้อมูลทั้งหมด ด้วยกลยุทธ์งานสำรองข้อมูลทั้งในและนอกสถานที่ ปกป้องการโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างง่ายดายและครอบคลุม ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม

ข้อเสียของการใช้ Synology NAS

  • ความเร็วของการโอนถ่ายข้อมูลอาจจะช้า

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/Screen Shot 2565-04-08 at 18.02.09.png?itok=zrPvHaj6

คือต้องบอกก่อนว่าหลายคนที่กำลังมองหา NAS อาจจะคิดว่าเอามาเก็บไฟล์เพื่อเตรียมสำหรับการตัดต่อวิดีโอ ซึ่งอันนี้ต้องบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่ได้ดึงไฟล์กันทันที เพราะว่าความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลมันจะถูกจำกัดด้วยเรื่องของ Network ที่ไม่อาจจะแรงพอ หรือเรียกได้ว่ามันจะดึงข้อมูลมาไม่ทัน ทำให้การตัดต่อวิดีโอนั้นทำไม่ได้ ทางที่ดีก็คือเอาไว้เก็บไฟล์งานเก่าๆ อันนี้ก็ได้อยู่

  • เรื่องของการใช้งาน Physical Drive ก็มีอายุไข

ไม่ว่าเรื่อง HDD/SSD เกรด NAS/Server ยังไงวันใดวันหนึ่งมันก็ต้องเสื่อมสภาพจนใช้งานไม่ได้นั้นแหละครับ เพราะว่าพวก HDD เหล่านี้มันทำงานตลอด 24 ชั่วโมงมันก็ทำให้เวลาของการเสื่อมสภาพนั้นเร็วมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างจากประกันข้อมูลสูญหายของ Seagate Iron Wolf ประกันและกู้ให้ฟรีมีระยะที่ 3 ปี ส่วน Product Warranty อยู่ที่ 3 ปี และแบบ Pro ที่ 5 ปี ซึ่งมันยังมีเรื่องของที่ตั้งของเครื่องฝุ่น ความชื้นหรือแก้แต่กระแสไฟฟ้า เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหมั่นดูแลเครื่องเอง เพราะไม่มีคนมาดูแลให้นั้นเองครับ

  • งบการซื้อเครื่องเพื่อการใช้งานอาจจะแรงอยู่

    https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0009_IMG_4414.jpg?itok=Y-nLNGQX

คืออยากจะบอกว่าตอนแรกที่ผมตัดสินใจอยากจะซื้อ NAS ผมหาข้อมูลไม่ค่อยได้ เกี่ยวกับการใช้งาน แต่พอมาได้ใช้งานจริงๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่ผมนั้นไม่ได้นึกถึง เรื่องแรกคือราคาของตัวเครื่องเอง อย่าง NAS ของ Synology นั้นมีให้เลือกอยู่หลายรุ่น หลายราคา เช่นอย่างผมเลือกเป็น DS220+ ซึ่งเป็นรุ่น 2 BAY (คือใส่ HDD ได้ 2 ก้อน) ซึ่งราคาอยู่ที่ 10,750 บาท แถมต้องซื้อ HDD อีก 2 ลูกที่เป็นเกรดสำหรับทำ NAS โดยผมเลือก 8 TB HDD SEAGATE IRONWOLF ราคาอยู่ที่ 8,850 บาท ตอนแรกผมนึกว่ามีเท่านี้ครับ แต่ผมลืมเรื่องของการสำรองไฟ เพราะเครื่อง NAS ไม่ได้มีระบบพลังงานสำรอง ถ้าวันไหนไฟดับ ไฟกระชาก HDD ของผมนั้นไปทันทีแน่นอน ก็ต้องซื้อเครื่องสำรองไฟมาอีก 3-4 พันบาท แถมต้องเปลี่ยน Router WI-FI เพื่อความเสถียรของ Network อีก 1-2 พันบาท รวมๆ ราคาในการใช้งานคือ 3X,XXX บาทเลยละครับ

สรุปจาก TamKung เอง

https://creators.trueid.net/s3/files/styles/cover_photo_1024w/public/inline-images/20220408-1_0014_Group 2_0.jpg?itok=_kEzwaJC

แม้เรื่องจะเยอะ แต่ผมก็ยังอยากจะแนะนำสำหรับใครที่ต้องการ Cloud ส่วนตัว พื้นที่เก็บไฟล์ที่บ้านสำหรับคนในครอบครัว หรือจะเป็นคนทำธุรกิจเล็กๆ ที่มีทีมงานไม่ได้เยอะมาก ก็สามารถเลือกใช้ NAS ได้ตามความเหมาะสม และหากมีการขยายธุรกิจที่เติบโต ก็สามารถเลือกเพิ่มได้อีกหลากหลายอย่าง ซึ่งจากการใช้งานมากว่า 1 ปี ผมมองว่ามันคุ้มค่าราคาที่ต้องจ่ายไป เพราะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าบริการ Cloud รายปีไปได้ค่อนข้างมาก แถมไม่ค่อยเสี่ยงมากอีกด้วยละครับ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของแอพพลิเคชั่นที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งบนคอมพิวเตอร์ MacOS หรืออุปกรณ์บนโทรศัพท์ iOS หรือ Android ก็มีเช่นกัน เรียกได้ว่าจบครบ ในเครื่องเดียวครับ หากใครที่สนใจอยากจะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่

Synology

อันนี้แนะนำให้ลองศึกษาดูก่อน ว่าการใช้งานของเรานั้นจะคุ้มไหม ถ้าไม่คุ้มการใช้ Cloud แบบรายเดือนก็อาจจะคุ้มมากกว่า ต้องดูกันไปเป็นรายบุคคลนะครับ


เครดิต

รูปภาพหน้าปก / รูปภาพประกอบบทความ - TamKung(ผู้เขียน)

ฟัง TamKung Podcast ได้ที่ Spotify Podcast | Apple Podcast | Google Podcast

ติดตาม TamKung ได้ที่ TamKung

ติดตาม TamKungPhoto ได้ที่ #TamKungPhoto