เรื่องราว 'วันอีสเตอร์' วันที่เป็นมากกว่ากระต่ายและการแข่งเก็บไข่
ช่วงนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ ของอีกหนึ่งเทศกาลอย่างเทศกาลวันอีสเตอร์ เทศกาลที่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในโรงเรียน หรือในภาพยนตร์หลายเรื่องของต่างชาติก็มีการเล่นในเรื่องของเทศกาลอีสเตอร์ ในบทความของ TamKung วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของวันอีสเตอร์ วันที่เป็นมากกว่ากระต่ายและการแข่งเก็บไข่
เราอาจจะต้องอ้างอิงเรื่องราวของวันอีสเตอร์ไปถึงเรื่องของศาสนาคริสต์กันก่อนนะครับ เพราะว่าในวันอีสเตอร์นั้นเป็นเหมือนวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินของชาวคริสต์ เพราะว่าเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ซึ่งจะเรียกวันนี้ว่าเป็นวัน Easter Sunday
โดยในวันนี้จะจัดอยู่ในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ และก็มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ซึ่งในยุคแรกๆ ชาวคริสเตียนได้ยืมวันอีสเตอร์นี้มาจากชาวยิว ที่ถือเป็นเทศกาลปัสกาหรือเทศกาลที่พระเยซูฟื้นคืนชีพ โดยมีอายุอย่างน้อยช่วงศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งเป็นเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในวัฒนธรรมทั่วโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรป มีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่างที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วย ที่จริงแล้ว คาดว่าคำว่า อีสเตอร์อาจจะมาจากชื่อของ เทพีเอสตรา (Eastra) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์ นี่นำเรามาสู่ไข่อีสเตอร์
การถือปฏิบัติทางศาสนาอย่างเป็นทางการของเทศกาลอีสเตอร์นั้นตรง ไปตรง มา ในหมู่ชาวคาทอลิก เช่น "ไปร่วมพิธีมิสซา กินเนื้อที่ผ่านการพิสูจน์แล้วของพระผู้ช่วยให้รอด" ในทางกลับกัน จุดเด่นของเทศกาลนี้นั้นเข้มข้น ลึกซึ้ง และมีสีสันเหมือนกับไข่ที่เราทิ้งไว้ในสีผสมอาหารในชั่วข้ามคืนนั้นแหละ
แล้วทำไมต้องมีไข่? ตามความเชื่อในตำนานมาเป็นพันๆปี คาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธรรมเนียมเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงศตวรรษที่ 13 ไข่แดงในเปลือกเป็นสัญลักษณ์แทนการปรากฏตัวของพระคริสต์จากหลุมฝั่งพระศพ และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตที่พระคริสต์ต้องสูญเสียไปบนไม้กางเขน และกระแสนิยมนั้นยังคงดำเนินต่อไป และเรายังคงทำมันอยู่จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าเราจะโชคดีที่เรามีสีสันและเฉลิมฉลองมากกว่าคริสเตียนเมโสโปเตเมียในยุคแรกๆ
พอเวลาผ่านไปกระแสของวันอีสเตอร์ก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่เด็กๆ มากยิ่งขึ้น ทำให้มันก็เกิดเป็นประเพณีของมันขึ้นมา อย่างประเพณีกลิ้งไข่อีอีสเตอร์ แต่พอปี 1876 ทางสภาคองเกรสออกกฎห้ามเล่นประเพณีนี้ นั้นทำให้ประธานาธิบดี Rutherford B. Hayes เปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆ ได้เข้ามาเล่นกัน จนกลายเป็นธรรมเนียมต่อมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วทำไมต้องมีกระต่าย? เพราะภาพของกระต่ายถือตระกร้าที่เต็มไปด้วยไข่หลากหลายสีสันนั้นเป็นภาพที่ติดตาของเราหลายคน โดยมันมีหลักฐานการใช้กระต่ายเป็นสัญลักษณ์ที่สามารถย้อนไปถึงเยอรมนีในช่วงทศวรรษ 1600 โดยเป็นพวกผู้ตั้งถิ่นฐานชาวดัตช์ในเพนซิลเวเนียนำประเพณีมาสู่สหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 18
โดยหลักฐานส่วนใหญ่ที่มีมักจะเป็นเรื่องของการโน้มน้าวเด็กๆ ให้เป็นเด็กดี (อารมณ์ประมาณบอกว่าถ้าเป็นเด็กดี ซานต้าคลอสจะเอาของขวัญมาให้ในวันคริสต์มาส) และเมื่อเป็นเด็กดี ก็จะมีกระต่ายตัวเล็กๆ น่ารักเอาไข่หลากสีมาวางไว้ที่บ้านทำให้เกิดเป็นประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์ตามมานั้นเอง
เทศกาลอีสเตอร์ในปี 2022 นี้จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2022 นี้ครับ อย่างไรก็ดี เทศกาลอีสเตอร์นั้นถือเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในยุโรปนะครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเทศกาลอีสเตอร์สำหรับทุกคนจะเป็นมากกว่าเพียงเทศกาลกระต่าย เทศกาลหาไข่ หรือแม้กระทั่งเทศกาลเฉลิมฉลองเพื่อความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว แต่จะมีความหมายและมีสันติสุขต่อชีวิตเราเพิ่มมากขึ้นด้วยนะครับ
อ้างอิงข้อมูล - franciscanmedia | inews | heritage | goodhousekeeping | smithsonianmag