วิธีเลือกทุเรียนกรอบนอกนุ่มใน ราชาผลไม้ไทย ที่มีทั้งชอบและเกลียด
เรียกได้ว่าในเดือนเมษายนแบบนี้ก็เข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ สำหรับผมและใครหลายๆ คนที่เป็นคนชื่นชอบในการกินผลไม้ โดยมันเป็นฤดูของผลไม้อยู่ชนิดหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งผลไม้เลยละครับ นั้นก็คือ "ทุเรียน" นั้นเอง เป็นผลไม้ที่มีทั้งคนชอบและมีทั้งคนเกลียด แต่ในบทความของ TamKung วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับทุเรียน และวิธีเลือกทุเรียนกรอบนอกนุ่มใน ต้องทำอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
เป็นอะไรที่ยากมาก ทีจะมีคนไม่รู้จักผลไม้ชนิดนี้ เพราะมันถูกเรียกได้ว่า เป็นราชาแห่งผลไม้ไทยกันเลยทีเดียว นั้นแสดงว่าต้องมีความสำคัญ และมีความอร่อยอย่างมากแน่ๆ ไม่งั้นก็คงไม่ได้รับฉายานี้อย่างแน่นอน ในปัจจุบันทุเรียนของไทยมีหลายพันธุ์มากๆ และในแต่ละพันธุ์ก็จะมีเอกลักษณ์และความไม่เหมือนที่ต่างกันไป และหลายคนก็ชอบสายพันธุ์ที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย โดยจะมีความนิยมปลูกอยู่หลักๆ 4 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์หมอนทอง สายพันธุ์ชะนี สายพันธุ์ก้านยาว และสายพันธุ์กระดุม
การที่เรานั้นจะชอบกินทุเรียนนั้น นอกจากมีเรื่องของการเลือกสายพันธุ์ที่เราจะกินแล้ว เราอาจจะต้องเลือกรูปแบบที่มันเป็นอยู่ด้วย เช่นหลายคนชอบกินทุเรียนที่แก่มานานแล้ว หรือทุเรียนที่มันนิ่มๆ เละๆ ก็อาจจะต้องเลือกลูกที่แก่หน่อย ถ้าคนที่ชอบกินทุเรียนแบบกรอบนอกนุ่มใน ก็อาจจะต้องเลือกลูกที่สุกกำลังดี แต่มันไม่ได้เหมือนคนที่จะเข้าไปถามทุเรียนว่า "สุกหรือยังนะ?" เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเรามาแจกเคล็ดลับ วิธีดูทุเรียนด้วยตัวเองว่าแบบไหนสุกกำลังดีและมีความกรอบนอกนุ่มในกันครับ
-
ข้อที่ 1 เราต้องเลือกดูทุเรียนที่ปลิงทุเรียนกันก่อน โดยปลิงทุเรียนนี้มันคือรอยต่อของขั้วที่ก้านครับ โดยที่ทุเรียนที่แก่จัดๆ ก็จะมีปากปลิงที่บวมและจะทำให้เห็นรอยได้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าใครที่ดูยังไม่เป็นหรือไม่รู้ว่าเราจะแกะทุเรียนตอนไหน ก็ต้องดูตรงปากปลิงที่จะเริ่มแยกตัว ก็เป็นสัญญาณว่าทุเรียนนั้นสุกแล้ว ยิ่งปากปลิงแยกมากก็ยิ่งสุกมากครับ
-
ข้อที่ 2 เราจะต้องเลือกทุเรียนที่มีหนามสีเข้ม ถ้าลองจับดูก็จะดูเหมือนเปราะแตกหักได้ง่าย ตัวหนามก็จะแยกออกจากกัน ก็เป็นสัญญาณว่าทุเรียนสุกพร้อมกินแล้วครับ
-
ข้อที่ 3 ขั้วจะต้องมีความแข็ง ถ้าเราจะได้ลองสัมผัสจะรู้สึกสากๆ เหมือนกับกระดาษทรายครับ และจะมีความเป็นเหมือนสปริง ซึ่งถ้าเป็นทุเรียนที่ยังไม่สุกมันจะไม่มีความยืดหยุ่นตรงนี้ และขั้วและก้านจะต้องมีสีที่เข้ม จับแล้วรู้สึกเหมือนกระดาษทราย
-
ข้อที่ 4 ใครที่ชอบกินแบบเนื้อสุกกรอบหน่อย ก็เลือกดูเปลือกทุเรียนจะเริ่มเป็นสีน้ำตาล
-
ข้อที่ 5 วิธีที่เราจะสามารถดูว่าทุเรียนนั้นสุกหรือไม่ ก็อาจจะต้องเลือกจิ้มกดลงไปในทุเรียนแบบเบาๆ หากเนื้อทุเรียนยุบลงไปเลย ทุเรียนลูกนั้นก็พร้อมกินแล้วครับ หากเรากดแล้วมันยังแข็งมันก็จะไม่สุกนั้นเอง
-
ข้อที่ 6 วิธีที่เห็นได้ชัดสุดคือการเคาะและฟังเสียงครับ เพราว่าถ้าทุเรียนมีความสุกแล้ว มันจะมีช่องว่างระหว่างเนื้อทุเรียนกับเปลือก มันให้เวลาเคาะทุเรียนก็จะได้ยินเสียงแบบโปร่งๆ หลวมๆ ซึ่งอันนี้ต้องใช้ความชำนาญหน่อยนะครับ เป็นเราฟัง ฟังยังไงก็จะรู้สึกว่ามันเหมือนกันทุกลูกอยู่แล้ว
หากใครที่อยากจะกินทุเรียนกรอบนอกนุ่มใน ก็ควรจะเลือกทุเรียนที่มีความสุกประมาณ 75-90% ส่วนใหญ่คนจะนิยมกินสายพันธุ์หมอนทองครับ ถ้าสุกมากกว่านั้นมันจะเป็นทุเรียนที่สุกจัด โดยจะนิยมเลือกสายพันธุ์ชะนีไข่ และถ้าสุกที่น้อยกว่านั้นก็จะทำให้เนื้อทุเรียนมีความแข็งมาก และไม่มีรสชาติซึ่งก็จะกินไม่ได้นั้นเอง
คืออย่างที่เราทราบกันดี ว่าทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบอยู่มากมาย แล้วว่าแต่ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น
ซึ่งเราต้องเข้าใจกันก่อนว่า ทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่ประหลาด ที่หลายคนรวมถึงชาวต่างชาติยกให้เป็นผลไม้ที่มีความโดดเด่นและไม่เหมือนใคร เพราะมันจะส่งกลิ่นแรงเป็นอันดับต้นๆ ของบรรดาผลไม้อีกด้วย ซึ่งหลายคนบอกว่ามันหอม หลายคนบอกว่ามันเหม็น นั้นก็เป็นเพราะทุเรียนมีส่วนผสมของสารระเหยประเภทกำมะถัน และถ้ายิ่งทุเรียนสุกมากเท่าไหร่ มันก็จะส่งกลิ่นออกมาแรงมากยิ่งขึ้นครับ
ถ้าถามว่าทำไมบางคนรู้สึกว่ามันหอมหรือไม่หอมนั้น เป็นเพราะความหอมหรือความเหม็นที่เราสัมผัสนั้น มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้บริโภค และเรื่องของ First Impression ของการได้รู้จักกับทุเรียน ถ้าในครั้งแรกมันเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี ก็จะทำให้ทุเรียนนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรเอามาใกล้ตัวเลยละครับ
เอาเป็นว่าหากใครชอบกินทุเรียนหรือไม่ ชอบกินแบบไหนก็สามารถเลือกได้ตามที่เราต้องการนั้นแหละครับ เพราะมันก็ไม่มีถูก ไม่มีผิดอยู่แล้ว อยู่ที่เราจะเลือกจะกินนะครับ ว่าแต่เพื่อนๆ ชอบกินทุเรียนหรือไม่ แล้วชอบกินสายพันธุ์ไหนก็มาพูดคุยและแบ่งปันกันได้ที่ช่อง Comment นะครับ