Grammarly vs ProWritingAid แอปตรวจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ อันไหนดีกว่ากัน
แต้มเองรวมถึงเพื่อนๆ หลายคนๆ อาจจะประสบปัญหาคล้ายๆ กับผม คือปัญหาในการเขียนภาษาอังกฤษยังไงให้ถูก Gramma หรือถูกหลักไวยากรณ์ ซึ่งผมก็เชื่อว่าหากมันฝึกฝนมากๆ ก็จะเก่งขึ้นได้ แต่หากมันจำเป็นต้องใช้งานด่วน หรือต้องการคนมาคอยช่วยตรวจคร่าวๆ มันก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายมาก และด้วยเทคโนโลยีในยุคนี้ ทำให้เราสามารถมีตัวช่วยในการตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ ง่ายๆ เพียงแค่ปลายนี้ ซึ่งมันก็มีอยู่เยอะมากๆ ให้เราเลือกใช้ แต่ในบทความของ TamKung วันนี้เราจะมาลองเปรียบเทียบ แอปตรวจไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ 2 เจ้า อย่าง ProWritingAid กับ Grammarly ดูกันว่าใครจะดี ใครจะโดดเด่นมากกว่ากัน
Grammarly คืออะไร?
Grammarly เป็นเหมือนรุ่นพี่ในวงการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในการใช้งานเพื่อตรวจสอบความผิดพลาดหรือตกหล่นของการเขียนทางด้านที่เน้นเรื่องของไวยากรณ์ โดยรวมทั้งการสะกดคำ เครื่องหมายวรรคตอน ซึ่งก็สามารถแนะนำเรา รวมถึงช่วยแก้ไขให้เราได้อย่างดี ซึ่งจะนิยมใช้ในงานตรวจสอบ พิสูจน์อักษร แก้ไขบทความ อีเมลและอื่นๆ ที่ใช้ไวยากรณ์เป็นหลักๆ นั้นเองครับ
ซึ่งนอกจาก Grammarly จะช่วยในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในงานเขียนภาษาอังกฤษแล้ว ตัว Grammarly ยังสามารถแก้ปัญหาเรื่องโครงสร้างประโยค คำที่ใช้ผิดรูป ผิดเสียง และยังพร้อมแนะนำคำศัพท์หรือประโยคให้เข้ากับเนื้อหาของบทความที่เรากำลังเขียนได้อีกด้วย ซึ่งผมว่ามันทำได้ดีมากใช้เวอร์ชั่นที่ฟรี
แต่หากเราได้ทำการสมัครสมาชิกรายเดือน ก็จะปลดล็อกฟีเจอร์ของฝั่ง Premium โดยจะมีการเพิ่มฟีเจอร์อย่างตรวจจับการลอกเลียนแบบในเนื้อหา การแนะนำตัวเลือกของคำที่จะใช้ โดยจะมีการลงน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ว่าหากเป็นประโยคที่มีน้ำหนักไปด้านไหน คำศัพท์ก็จะเน้นไปที่ทางนั้น ซึ่งมันเป็นระบบที่ฉลาดมากๆ
Grammarly จะมีฟีเจอร์เด่นๆ เช่น
- Spelling and Word Suggestion หรือ การสะกดคำและการแนะนำคำ
อย่างที่ผมได้แนะนำไป คือหากเราเขียนคำศัพท์หรือประโยคที่ไม่ถูกต้อง Grammarly ก็จะมีการตรวจจับแบบตลอดเวลา และพร้อมเด้งแจ้งเตือนตำแหน่งที่คิดว่าผิดให้ทันที ทำให้เราได้เห็นเลยว่า เขียนผิดที่คำไหน ประโยคไหนนั่นเอง
-
Different English Style หรือ รูปแบบภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน
เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นมีการใช้อยู่หลากหลายประเทศ และแต่ละประเทศก็จะมีการใช้สำเนียง คำศัพท์ที่อาจจะต่างกันไป ทำให้การเขียนเอกสารนั้นมีความซับซ้อน และความน่าปวดหัวมากยิ่งขึ้น Grammarly ก็จะเป็นตัวช่วยในการตรวจสอบการสะกดสำหรับภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน อังกฤษ แคนาดา และออสเตรเลีย
- Plagiarism หรือ การลอกเลียนแบบงานเขียน
ด้วยความสามารถนี้ใน Grammar จะทำให้เราได้รู้ว่า เราได้คัดลอกบทความหรือประโยคจากที่ไหนมาหรือไม่ วิธีนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการไปนั่งพิสูจน์กันเอง ด้วยความสามารถในการค้นหาข้อความกว่า 8,000 ล้านหน้าเว็บไซต์ ก็ทำให้เรามั่นใจว่าไม่ได้ลอกเลียนแบบใครมานั่นเอง
-
Wordiness หรือ การใช้คำ
เครื่องนี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบถึงการเขียนของเรา ว่ามีการใช้คำยาว อ่านยากเกินไปหรือไม่ แล้วอาจจะต้องแก้เป็นอะไร เพื่อให้บทความของเรานั้นเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- Passive Voice หรือ ตัวตรวจสอบการใช้ Passive Voice
การใช้ Passive Voice มากจนเกินไปในงานเขียนของเรา ในบางครั้งก็อาจจะมีการใช้ผิดที่ ผิดรูปไปบ้าง หรือแม้แต่กระทั้งการใช้มากจนเกินไป อาจจะทำให้บทความของเราเกิดความงงได้ และผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่าแบบนี้ไม่น่าจะดี ด้วยเครื่องมือนี้จะช่วยในการจัดการปัญหาเหล่านั้นไปนั่นเอง
จริงๆ ก็ยังมีอีกมากมายความสามารถที่ตามมาใน Grammarly แต่นี้ก็เป็นเพียงความสามารถหลักๆ ที่น่าจะเป็นที่ต้องการใช้งานในหลายคนเลยครับ
ราคาการใช้งาน Premium
มีทั้งหมด 2 ราคาให้เราเลือก ตั้งแต่แบบ
- Premium หรือเพื่อการใช้งานเพียง 1 คน ในราคา 411 บาท/เดือน
- Business หรือเพื่องานธุรกิจ รองรับการใช้งานมากกว่า 149 บัญชี ในราคา 430 บาท/บัญชี/เดือน (แตกต่างจากรุ่น Premium ธรรมดาตรงที่ จะมีเครื่องมือ SSO, Email, Dashboard ที่เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นแบบองค์กร)
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ grammarly
ProWritingAid คืออะไร?
ProWritingAid อาจจะดูคล้ายกับ Grammarly ครับ แต่ก็ไม่เสมอไป โดย ProWritingAid เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบรูปแบบของงานเขียน รวมไปถึงอารมณ์ที่บทความของเรานั้นจะสื่อออกมา โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเลือกคำ จัดการกับคำผิด เครื่องหมายวรรคตอน หรือข้อผิดพลาดทั่วไปในด้านของไวยากรณ์ โดย ProWritingAid สามารถใช้เป็นส่วนเสริมของ WordPress, Gmail และ Google Docs
ProWritingAid จะมีฟีเจอร์เด่นๆ เช่น
-
Grammar checker and spell checker หรือ ตัวตรวจสอบไวยากรณ์และตัวตรวจการสะกด
โดยเครื่องมือนี้จะช่วยในการตรวจสอบไวยากรณ์และตัวตรวจการสะกดทั้งหมดของบทความของเรา ซึ่งสามารถทำได้ง่ายมากๆ เพียงกดครั้งเดียว ก็สามารถรู้ไดเลยว่า บทความของเรามีข้อผิดพลาดตรงไหน
- Find repeated words หรือ ค้นหาคำซ้ำ
เพราะการใช้คำซ้ำมากเกินไปก็อาจจะทำให้บทความของเราเกิดความไม่น่าสนใจได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเขียนบทความเสร็จ เราก็อาจจะต้องมานั่งตรวจสอบว่า ในบทความของเรา ใช้คำว่าอะไรมากจนเกิดไป หรือติดกันหรือไม่ และก็ทำการเปลี่ยน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของบทความเรานั่นเอง
- Sentence Length หรือ ความยาวประโยค
ProWritingAid จะมีเครื่องมือในการตรวจสอบความยาวของประโยค ว่ายาวหรือสั้นเกินไปไหม และเราจะได้หาทางแก้ ตัด เพิ่มประโยตของบทความไม่ให้ยืดเยื้อได้
- Echoes หรือ ตรวจสอบในวลีที่ซ้ำกัน
ProWritingAid จะสามารถตรวจสอบการเขียนของเรา เพื่อหาคำและวลีที่ซ้ำกันอย่างสม่ำเสมอ และแนะนำคำให้กับเรา เพื่อเพิ่มความไม่จำเจในงานเขียนของเรา
ราคาการใช้งาน Premium
มีทั้งหมด 3 ราคาให้เราเลือก ตั้งแต่แบบ
- Monthly Subscription หรือการสมัครสมาชิกรายเดือน ในราคา 685 บาท/เดือน
- Yearly Subscription หรือการสมัครสมาชิกรายปี ในราคา 2,031 บาท/เดือน (ตกเดือนละประมาณ 169.39 บาท)
- Lifetime หรือการซื้อแบบครั้งเดียวจบ ไม่ต้องเสียค่าบริการ ในราคา 10,200 บาท/Licence
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ prowritingaid
ความแตกต่างระหว่าง Grammarly และ Pro-Writing Aid
คือผมจะบอกว่าทั้ง 2 โปรแกรมหรือส่วนเสริมนี้ เป็นเครื่องมือที่ดี และเหมาะสำหรับการประกอบกับงานเขียนของเรา แต่เรามาลองดูดี ข้อเสียกันดีกว่าครับ
ข้อดีของ Grammarly
- สามารถให้เราได้แก้ไขข้อผิดพลาดในงานเขียนทั่วๆ ไปของเราได้ โดยสามารถใช้งานได้ดี ตั้งแต่เวอร์ชั่นฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
- เราสามารถแก้ไขงานได้โดยไม่ต้องไปเสียรูปแบบของเอกสาร
- สามารถตรวจสอบการใช้ Active และ Passive voice
- ตรวจสอบเรื่องการเขียน การใช้งานเครื่องหมายต่างๆ ทั้งเครื่องหมายวรรคตอน ไวยากรณ์ และการสะกดคำ
- ช่วยแนะนำคำศัพท์ใหม่ หรือคำศัพท์ที่มีความหมายเหมาะสมกับบทความ ตามรูปแบบของชิ้นงาน
- รองรับทั้งบนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บน Browser และบน Smart Phone
ข้อเสียของ Grammarly
- รองรับเฉพาะกับภาษาอังกฤษ
- มี Support เฉพาะอีเมลเท่านั้น
- มีการจำกัดคำให้สามารถเขียนได้ ไม่เกิน 150,000 คำ
- แผนการสมัครสมาชิกที่มีราคาสูงมาก
- ไม่มีการทดลองใช้งานฟรี
- ไม่มีนโยบายการคืนเงิน
- ในรุ่นฟรีนั้นจะเหมาะสมกับการตรวจสอบการสะกดคำพื้นฐาน และเรื่องของไวยากรณ์ แต่จะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ขั้น Premium
ข้อดีของ ProwritingAid
- มีรายงานและบทความมากกว่า 20 ฉบับ เพื่อช่วยให้เราสามารถปรับปรุงงานเขียนของเราได้
- มีราคาที่ถูกกว่าแอปตรวจไวยากรณ์ตัวอื่นๆ (หากสมัครเป็นแบบจ่ายรายปี)
- มีเครื่องมือช่วยในการประเมินอารมณ์ของบทความ เพื่อการแนะนำการเขียนได้ตรงตามอารมณ์ที่ต้องการ
- มีแผนสำหรับการซื้อครั้งเดียวจบ ด้วยแผน Lifetime ไม่ต้องจ่ายเพิ่มรายเดือน
- สามารถใช้งานได้ทั้ง Windows และ MacOS
- มีเครื่องมือให้เลือกใช้ที่หลากหลาย
ข้อเสียของ ProwritingAid
- หากเราได้มีบทความหรือประโยคที่เยอะมากๆ ก็อาจจะเกิดอาการหน่วงได้
- ปัจจุบัน ProWritingAid ไม่มีแอปมือถือสำหรับอุปกรณ์ Android หรือ iOS
- ในบางครั้ง คำแนะนำก็อาจจะไม่ได้ถูกต้อง
สรุป
เท่าที่ผมได้ลองใช้งานมาทั้ง 2 แอปแล้ว ผมเองก็ตัดสินใจไม่ได้ว่า อันไหนจะดีกว่าอันไหน แต่เอาเป็นว่า ผมจะให้ไว้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการตัดสินใจเพื่อสมัครสมาชิกรายเดือนนะครับ (เป็นความคิดส่วนตัว เอาไว้ไปประกอบตัดสินใจเท่านั้นนะครับ)
- หากใครเป็นคนที่ต้องการเขียนจำพวก non-fiction หรือการเขียนที่ต้องการความเที่ยงตรงของคำศัพท์มากๆ อยากให้เลือกใช้ Grammarly และหากใครที่เขียนพวก fiction หรือเขียนแนวนิยาย แนวให้ความรู้ ความคิดเห็น ก็แนะนำว่าเป็น ProwritingAid
- เพราะว่าในส่วนของ ProWritingAid จะสามารถตรวจความผิดพลาดของเนื้อหาที่มีความยาวได้มากกว่า แต่ Grammarly จะเหมาะกับงานที่มีความสั้นๆ ไม่ยาวมาก เช่น Blog หรืองานที่คล้ายๆ กัน
- ProWritingAid ยังสามารถช่วยตรวจสอบงานให้มีความอ่านสบาย ไม่เน้นคำศัพท์ที่จริงจัง มีการตรวจสอบรูปแบบของงานเขียนเพื่อแนะนำคำศัพท์ ดูโครงสร้างและเนื้อหา แต่ Grammarly จะเน้นไปที่เรื่องของไวยากรณ์และเครื่องหมายวรรคตอนที่เข้มงวด แบบต้องตรงตามไวยากรณ์เท่านั้น
จริงๆ แล้ว ทั้ง ProWritingAid และ Grammarly เป็นเครื่องมือเขียนที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยครับ แต่จากการใช้งาน ผมนิยมใช้งานเครื่องมือฝั่ง Grammarly มากกว่า เพราะว่าเราเขียนบทความก็ไม่ได้ยาวมาก แต่ก็ต้องการความสมบูรณ์แบบของเรื่องไวยากรณ์ และเครื่องหมายต่างๆ รวมถึงคำศัพท์ที่อาจจะทำให้บทความของเรามีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น และจะได้ดึงดูดผู้อ่านให้ติดตามบทความจากเว็บไซต์เราก็เป็นได้ครับ
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเครื่องมือช่วยตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษตัวไหนที่เพื่อนๆ ใช้งานอยู่ แล้วมันดียังไง เอามาลองพูดคุยกันได้นะครับ