คุณผู้อ่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไมเวลาใช้ Wi-Fi ที่บ้านมันช้าจัง ทั้งๆ ที่ก็ใช้โปรโมชั่นของค่ายเน็ตที่แรงมาก ๆแล้ว ในบทความของ TamKung วันนี้ จะมาแนะนำวิธีดีๆ ที่จะทำให้สัญญาณ Wi-Fi ที่บ้านของเรานั้นแรงขึ้น มาดูกันว่าจะพอมีวิธีไหนสามารถช่วยได้บ้าง

จริงๆ ก็มีวิธีการแก้ไขปัญหาของ Wi-Fi ได้ง่ายมากๆ นั้นอาจจะเป็นการเลือกซื้อ Router Wi-Fi ราคาสูงๆ หรือรุ่นใหม่ๆ เลยก็ได้ แต่ว่าหากใครที่มี Router Wi-Fi อยู่ที่บ้านแล้ว และรู้สึกว่าความเร็วที่ใช้งานนั้นมันไม่แรงสมกับราคาที่จ่ายค่าบริการรายเดือนเลย และถ้าเราอยากจะเพิ่มความเร็วมันแบบง่ายๆ ฟรีๆ มีแบบไหนบ้าง เรามาลองดูกันเลยครับ 


1. ย้าย Router Wi-Fi ไปที่โล่ง

การที่สัญญาณ Wifi ของเรานั้นวิ่งได้ไม่เต็มที่ สิ่งหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสิ่งกีดขวางทางของสัญญาณครับ และหากเป็นไปได้ เราควรตั้ง Router Wifi เอาไว้ในพื้นที่โล่ง เนื่องจากตัว Router จะได้สามารถปล่อยสัญญาณออกมาได้โดยที่ไม่มีอะไรมาขวาง ยิ่งมีอะไรมาขวางมาก สัญญาณจะยิ่งอ่อน ให้เราลองเอา Router ไปไว้ในพื้นที่ที่ไม่มีอะไรบัง และพยายามหาพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณรบกวนครับ วิธีสังเกตง่ายๆ คือหากพื้นที่ที่ไหนในบริเวณบ้าน มีชื่อสัญญาณ Wifi มากแค่ไหน การแย่งช่องสัญญาณก็จะมีเยอะ ทำให้สัญญาณอ่อนเช่นกันครับ แต่ถ้าที่ไหน มีแค่ชื่อ Wifi นั้นก็จะทำให้สัญญาณของเรานั้นแรงและดีขึ้นนั้นเองละครับ

2. อยู่ให้ใกล้ Router Wi-Fi ให้ได้มากที่สุด

ในเรื่องเดียวกันกับการตั้งในที่โล่ง และไม่มีอะไรมาบัง หากเราต้องการใช้สัญญาณแรงๆ เราก็ควรจะอยู่ใกล้ๆ กับตัว Router ครับ เพราะจะได้รับสัญญาณก่อนเพื่อนๆ อุปกรณ์อื่นๆ อย่างของผมเองจะเน้นการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นตัว Router จะตั้งอยู่บริเวณโต๊ะคอมเลยครับ เวลาใช้งานก็จะได้สัญญาณแรงๆ 

3. พยายามอย่าเชื่อต่ออุปกรณ์หลายเครื่อง(ทิ้งไว้เมื่อไม่ใช้)

การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ก็จะเป็นการดึงสัญญาณไปครับ อารมณ์เหมือนกับการใช้น้ำจากท่อเดียว ยิ่งใช้น้ำหลายที่ น้ำก็จะต้องแชร์แบ่งๆ กัน ก็จะยิ่งทำให้น้ำอ่อน เพราะฉะนั้นก็เราอาจจะต้องเลือกเปิด Wi-Fi บนอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้งานครับ วิธีนี้ก็เป็นการดีที่จะทำให้ไม่มีการแย่งสัญญาณกัน

หรือบางทีก็ควรหมั่นเช็คนะครับ ว่ามีคนแอบใช้ Wifi ของที่บ้านหรือเปล่า เพราะบางทีข้างบ้านก็อาจจะแอบเอาไปใช้งานได้ วิธีการตรวจเช็คก็ต้องลองเข้าไปหน้าตั้งค่าของ Router แต่ละยี่ห้อก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันครับ ก็ต้องลองหาวิธี หรือไม่งั้นวิธีที่ง่ายที่สุด ก็การเปลี่ยนรหัส Wi-Fi เท่านี้ก็พอจะจัดการปัญหาอุปกรณ์ที่เข้ามาเชื่อมต่อกับ Wifi เราได้แล้วละครับ

4. ลองปิด-เปิดดูหน่อย

บางทีเรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่ได้เป็นอะไรมาก นอกจากการทำงานที่หนักและนานจนเกินไปครับ เพราะผมเองก็เชื่อว่าหลายบ้านก็คงไม่ได้ปิด Router Wi-Fi เลย มันก็อาจจะมีการทำงานที่ผิดพลาด หรือค้างได้ ลองปิดและเปิดใหม่ ให้เครื่องได้จัดการใหม่ ซึ่งเป็นวิธีคลาสสิกที่สุด เวลา Wifi มีปัญหาเลยละครับ หรือถ้าไม่เช่นนั้นก็อาจจะลองดูการ Update Firmware ตัว Router ดูก็ได้ครับ บางทีอาจจะเป็นที่ตัวเครื่องจากบริษัท แต่จะเกิดเรื่องราวนี้น้อยมาก ก็ลองดูวิธีแก้กันไปนะครับ

5. การตั้งค่า Router เหมาะสมกับการใช้งาน

ในปัจจุบันมีการตั้งค่า Router สำหรับการใช้งานได้หลายรูปแบบครับ หลายคนอาจจะไม่ได้สนใจการตั้งค่าอะไร แต่การได้รู้ว่ารูปแบบการใช้งาน Router ที่เหมาะสมกับการใช้งานและระบบ Internet ที่มีอยู่ ก็จะทำให้ได้ความเร็วสัญญาณที่ดีกว่า อย่างเช่น Router ที่มีอยู่สามารถเลือกได้ทั้งโหมดธรรมดา เสียบสาบ Lan และใช้งานได้เลย หรือจะเป็นการทำ Repeater Mode ใน Router ตัวที่ 2 อาจจะดีกว่าการลากสาย Lan มาเสียบเครื่องที่ 2 ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็อาจจะส่งผลต่อความเร็วของสัญญาณ Wifi ได้ละครับ ยังไงก็ต้องลองหากข้อมูลในแต่ละส่วน เพื่อทำให้การใช้งานนั้นมีความเสถียรมากที่สุดนั้นเอง