ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านทุกคนต้องเคยลองโดยสารข้ามจังหวัด หรือการไปเที่ยวต่างเมือง ด้วยเครื่องบินอย่างแน่นอนเลยใช่ไหมละครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ชอบเดินทางด้วยเครื่องบิน เนื่องจากมีความสะดวกสบายมากกว่า และรวดเร็วมากกว่า โดยการเดินทางจากสนามบินเชียงใหม่มายังกรุงเทพนั้นใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ในตอนนี้การเดินทางไม่ได้เป็นเพียงแค่ 1 ชั่วโมง แต่การรอคิว Check-In มันก็ค่อนข้างนาน แถมต้องมีการตรวจเอกสารต่างๆ ก็อาจจะมากกว่าเวลาการเดินทางข้ามจังหวัดเสียอีก แต่ครั้งนี้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่กับการเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะผมได้ลองใช้บริการของสายการบิน thai vietjet air ครับ โดยในตอนนี้สามารถ Check-in ออนไลน์ได้แล้ว แต่ไม่ได้เหมือนกับ Self Check-in นะครับ แต่เพียงแค่มีอถือหนึ่งเครื่อง ก็สามารถเดินทางได้แล้ว ในบทความของ Tamkung วันนี้ ผมจะมารีวิวการเดินทาง และการใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวนี้จะสามารถเดินทางได้จริงหรือไม่? ต้องติดตามครับ

ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนครับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาลองระบบ Online Check-in นะครับ เพราะปกติผมจะเข้าไปที่เคาน์เตอร์มากกว่า หรือไม่ก็จะเข้าไปที่ตู้การ Check-in ได้ซึ่งจะอยู่ตามในพื้นที่สนามบินต่างๆ และส่วนใหญ่ก็จะมีระบบนั้น แต่ทางสายการบิน Thai Vietjet Air เขาไม่ได้เข้ามารองรับกับระบบนี้ ทำให้เมื่อก่อนจะสามารถทำได้เพียงแค่การ Check-in ผ่านเคาน์เตอร์เท่านั้นครับ 



แต่ตอนนี้ทางสายการบิน Thai Vietjet Air เข้าได้เปิดระบบใหม่ที่เรียกว่า Online Check-in โดยที่เที่ยวบินภายในประเทศที่ให้บริการโดยสายการบินThai Vietjet Air (VZ) จะสามารถทำการเช็คอินออนไลน์ได้ตั้งแต่ 24 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเที่ยวบินครับ แล้วเรายังสามารถแบกกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กิโล หากใครที่ต้องการโหลดกระเป๋า ก็ยังคงจำเป็นต้องไป Check-in ที่เคาน์เตอร์นะครับ แต่หากใครที่ไม่ต้องการโหลด ก็สามารถ Online Check-in แล้วก็เดินเข้าที่ตรวจสัมภาระ แล้วก็ไปรอที่ Gate ได้เลย  โดยที่ไม่ต้องไป Print ออกมาเป็นกระดาษ และไม่ต้องไปรอต่อคิว Check-In เลยละครับ



โดยการ Online Check-in ก็จะต้องทำผ่านเว็ปไซต์ https://vzcheckin.vietjetair.com/ ครับ หลังจากนั้นให้เอาเลข หมายเลขยืนยันที่ได้มาจากการจองตั๋วมาใส่ โดยมันจะเป็นตัวเลขและตัวหนังสือผสมๆ กัน 6 ตัวครับ แล้วกรอกนามสกุลของเรา ระบบก็จะแจ้งให้เรานั้นเตรียมหมอพร้อมไว้นะครับ จะได้ตรวจเรื่องของวัคซีนหรือผลตรวจโควิดก่อน (ซึ่งผมไม่โดนตรวจนะครับ) 

หลังจากนั้นระบบจะให้เรากรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือเลข Passport ของเรา อันนี้เอาตามที่เรากรอกตอนซื้อตั๋วนะครับ แล้วกดยอมรับข้อตกลง เรื่องข้อกำหนดของสัมภาระต่างๆ 



เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้หน้าตาประมาณนี้ แต่ที่สำคัญที่สุด เราต้องกด BOARDING PASS SENT TO EMAIL ด้วยนะครับ แล้วให้เรากรอก E-Mail ที่จะสามารถเปิดได้ก่อนเข้าไปตรวจสัมภาระและก่อนขึ้นเครื่องครับ อันนี้สำคัญมาก เพราะว่าเราจะทำเพียงบันทึกภาพหน้าจออย่างเดียวไม่ได้นะครับ เขาจะอนุญาตเฉพาะกับเอกสารที่ส่งมาทาง E-Mail เท่านั้น และเจ้าหน้าที่จะขอให้เราเลื่อนหน้ากลับไปหน้าแรก เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าไม่ได้การบันทึกหน้าจอ 



หลังจากนั้นเราก็สามารถเดินเข้าไปตามทางที่เขากำหนดเลยครับ แต่ต้องขอเตือนอีกหน่อย สำหรับคนที่เดินทางที่สุวรรณภูมิ เพราะว่าเขาจะแยกจุดตรวจสัมภาระเป็นคนละอาคารเลยนะครับ มันจะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีเพียงจุดเดียว แล้วเราจะหลงหรือเดินไปที่ไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องดูจอตามสนามบินก่อนนะครับ ว่า Gate ของเราคืออะไร เพราะจะได้ไปถูก เข้าไปแล้วมันจะไม่มีอะไรเลย นอกจากการรอขึ้นเครื่อง ร้านกาแฟ ร้านอาหารจะอยู่แค่ด้านนอกก่อนเข้ามาตรวจสัมภาระนะครับ เพราะงั้นเราต้องดูให้ดี หรือไม่งั้นก็ลองเข้าไปเช็คหน้าเที่ยวบินของแต่ละสนามบินแบบ Real-Time ได้ที่ https://suvarnabhumi.airportthai.co.th/flight (อันนี้ของสนามบินสุวรรณภูมินะครับ ของที่อื่นสามารถเลือกสนามบินได้เลย)



หลังจากนั้นก็รอขึ้นเครื่องตามปกติครับ และพนักงานจะตรวจตั๋วและบัตรประชาชนอีกครั้งก่อนขึ้นเครื่อง ระหว่างนี้ก็รอไปก่อน พยายามอย่าให้แบตเตอร์รี่โทรศัพท์หมดนะครับ ไม่งั้นอาจจะแย่ได้นะครับ



สุดท้ายนี้ผมเองก็อยากจะบอกว่า มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม ทำต่างจากการเดินทางปกติ ซึ่งผมจะบอกว่าผมตื่นเต้นมาก เพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แล้วจะทำถูกไหม แต่สุดท้ายคนเราก็ต้องลอง ถึงจะรู้ครับ มีปัญหาอะไรก็ลองพูดคุยกับพนักงานเขาได้ครับ ยังไงเขาก็พร้อมช่วยเหลือเราอยู่แล้ว ผมเองก็หวังว่าบทความในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับนักเดินทางทุกคนนะครับ เพราะเท่าที่ผมลองหาข้อมูล ก็ยังไม่ค่อยมีใครออกมารีวิวแบบนี้ ก็ฝากบทความของ TamKung ไว้ด้วยนะครับ หากใครไปเดินทางมาแล้ว ได้รับประสบการณ์อย่างไร ก็มาพูดคุยกันได้นะครับ