หนีห่าวครับ ถ้าคุณคิดว่าหวังฝูจิ่งมีแค่ถนนคนเดิน คุณกำลังพลาดของดีไปกว่าครึ่งครับ นี่คือถนนสายประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตมายาวนานกว่า 700 ปี ตั้งแต่ราชวงศ์หยวนจนถึงปัจจุบัน วันนี้ผมจะพาคุณเจาะลึกถนนเส้นนี้แบบละเอียดที่สุด เตรียมรองเท้าผ้าใบให้พร้อม แล้วลุยกันเลยครับ

รู้จัก หวังฝูจิ่ง ให้ลึกกว่าเดิม

ก่อนจะไปช้อป รู้เกร็ดประวัติศาสตร์ไว้หน่อยจะช่วยให้การเดินสนุกขึ้นครับ สำหรับที่มาของชื่อถนนนั้น คำว่า หวังฝู หมายถึง จวนท่านอ๋อง ส่วนคำว่า จิ่ง หมายถึง บ่อน้ำ เมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายว่า บ่อน้ำแห่งจวนท่านอ๋อง ซึ่งสะท้อนความสำคัญในอดีตสมัยราชวงศ์หมิง ที่นี่เคยเป็นย่านที่อยู่อาศัยของเชื้อพระวงศ์ โดยมีจวนท่านอ๋องตั้งอยู่ถึง 10 แห่ง และมีบ่อน้ำหวานที่มีชื่อเสียงมาก ปัจจุบันฝาท่อบ่อน้ำทองสำริดจำลองยังคงตั้งอยู่บนถนน เป็นจุดเช็คอินลับที่หลายคนมักเดินผ่านไปเฉยๆ แนะนำให้ลองสังเกตดูช่วงกลางถนนนะครับ

จุดเช็คอินและถ่ายรูป

เริ่มกันที่ เหอผิงกั่วจวี๋ (Heping Guoju) ซึ่งเป็นเหมือนไทม์แมชชีนสู่ปักกิ่งยุค 80s ตั้งอยู่ที่ชั้น B2 ของห้าง Beijing Department Store ตึกที่มีหอนาฬิกา ความพิเศษของที่นี่ไม่ใช่แค่ฉากถ่ายรูป แต่คือพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ทันทีที่ก้าวเข้าไป คุณจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของถ่านหินและพุทราเชื่อม พื้นปูด้วยอิฐแบบเก่า ภายในมีจุดถ่ายรูปห้ามพลาดอย่างสถานีรถไฟสีเขียวที่จำลองสถานีรถไฟปักกิ่งยุคเก่าพร้อมหัวรถจักร ตรอกหูท่งที่มีจักรยานโบราณ ตู้จดหมายเขียว ราวตากผ้า และโปสเตอร์โฆษณายุคเหมา รวมถึงร้านขายยาจีนที่มีพร็อพแน่นมาก นอกจากนี้ยังมีร้านขายขนมโบราณ เซาปิ่ง และน้ำส้มแฟนต้าขวดแก้วรุ่นเก่าให้ซื้อกินได้จริงครับ

อีกหนึ่งจุดสำคัญคือ โบสถ์เซนต์โยเซฟ (St. Joseph's Church) หรือตงถัง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของถนน เดินเลยห้าง APM ไปเล็กน้อย โบสถ์แห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ผ่านการถูกทำลายและสร้างใหม่หลายครั้ง รวมถึงเคยถูกเผาในเหตุการณ์กบฏนักมวย ในช่วงกลางวัน สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ผสมไบแซนไทน์สีอิฐส้มจะตัดกับท้องฟ้าปักกิ่งอย่างสวยงาม เหมาะกับการถ่ายรูป Portrait ส่วนในยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟประดับสวยงาม และลานหน้าโบสถ์จะกลายเป็นพื้นที่เต้นรำของคุณป้าชาวจีนและกลุ่มวัยรุ่นที่มาเล่นสเก็ตบอร์ด สร้างบรรยากาศที่ตัดกันอย่างน่าสนใจครับ

เจาะขุมทรัพย์นักช้อป

สำหรับคนรักสนีกเกอร์และกีฬา ถนนเส้นนี้คือสวรรค์อย่างแท้จริง เริ่มต้นที่ Nike Beijing 001 หรือ House of Innovation ซึ่งเปรียบเสมือนแล็บทดลองของ Nike ไฮไลต์อยู่ที่ชั้น 3 โซน Nike By You ที่ให้คุณปรับแต่งรองเท้าได้ละเอียดที่สุด ทั้งเลือกสีเชือก พิมพ์ชื่อ หรือเลเซอร์ลายได้ทันที มี Expert Studio พร้อมลู่วิ่งและจอวิเคราะห์ฝ่าเท้าเพื่อหารองเท้าวิ่งที่เหมาะสม และโซน Sneaker Lab ที่รวบรวมรองเท้าหายาก ต่อมาคือ NBA Store สาขา Flagship Beijing ที่ใหญ่ที่สุดนอกอเมริกา มีกำแพงเทียบขนาดมือกับนักบาส NBA ให้ลองทาบดู โซนเสื้อทีมที่มีครบทุกทีมทั้งรุ่น Swingman และ Authentic รวมถึงโซนจัดแสดงของสะสมพร้อมลายเซ็นตำนาน NBA และอย่ามองข้ามแบรนด์จีนอย่าง ANTA และ Li-Ning เพราะสาขาที่นี่คือตัวท็อป ดีไซน์ล้ำสมัย โดยเฉพาะรองเท้าบาสรุ่นซิกเนเจอร์อย่าง Klay Thompson หรือ Jimmy Butler ที่ราคาถูกกว่าไทยและมีสีพิเศษมากมาย

ในส่วนของอาณาจักรของเล่น เริ่มจาก Hamleys สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ข้าง Beijing Department Store ความน่ารักคือทุกช่วงบ่ายจะมีขบวนพาเหรดพี่หมีและผองเพื่อนเดินเต้นไปรอบห้าง ที่ชั้น 3 และ 4 มีโซน Harry Potter, Peppa Pig และ Lego ให้เด็กๆ เล่นฟรี ต่อด้วย Lego Flagship Store ที่มีไฮไลต์คือตู้ถ่ายรูป Mosaic Maker เปลี่ยนหน้าเราเป็นพิกเซลเลโก้ และโมเดลมังกรเลื้อยผ่านเสากลางร้านสุดอลังการ สุดท้ายคือ Pop Mart Global Flagship ที่ชั้น 1 ห้าง APM ซึ่งเป็นดั่งถ้ำของนักสะสม Art Toy มีโซนโชว์ตุ๊กตาตัวใหญ่ขนาด 1000% และ 400% ที่หาดูยาก รวมถึงคอลเลคชั่นพิเศษที่มีขายเฉพาะปักกิ่งอย่าง Molly ในชุดงิ้วปักกิ่งครับ

สแกนห้างดัง

ย่านนี้มีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งที่มีเอกลักษณ์ต่างกันไป เริ่มจาก Beijing Department Store ที่มีความคลาสสิกและขลัง เหมาะกับผู้ใหญ่และสายถ่ายรูป โดยมีเมืองจำลองยุค 80s ที่ชั้นใต้ดินและร้านขนมเปี๊ยะชั่งน้ำหนักที่ชั้น 1 ถัดมาคือห้าง APM ที่เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่นและ Gen Z มีร้าน Apple Store สาขาใหญ่ และร้านอาหารชั้นบนที่ปิดดึก สำหรับสายหรูหราต้องไปที่ WF Central ที่เน้นแบรนด์ Luxury และงานศิลปะ มีจุดเด่นคือระเบียงที่มองเห็นวิวหลังคากู้กง สุดท้ายคือ Oriental Plaza ห้างใหญ่ยักษ์ครบวงจรที่ทางเดินเชื่อมกับรถไฟใต้ดินสถานี Wangfujing สามารถเดินทะลุได้ยาวมากจนต้องระวังหลงทางครับ

ลายแทงความอร่อย

เมื่อมาถึงถิ่น ต้องลองชิมอาหารระดับภัตตาคาร เริ่มที่ Wang Fu Hai Tang ชั้น 3 ห้าง WF Central เมนูเด็ดคือเป็ดปักกิ่งย่างไม้ผลที่หนังกรอบเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 8 อย่าง แม้ราคาจะสูงแต่คุ้มค่าบรรยากาศ หรือจะเป็น Hai Wan Ju ชั้น 6 ห้าง Beijing Department Store ที่ต้องสั่งจ๋าเจี้ยงเมี่ยน หรือบะหมี่ซอสดำปักกิ่ง พร้อมสัมผัสบรรยากาศการต้อนรับเสียงดังแบบโรงเตี๊ยมจีนโบราณ และร้าน Quanjude สาขา Wangfujing สำหรับผู้ที่ต้องการรสชาติเป็ดต้นตำรับดั้งเดิม

สำหรับผู้ที่ชอบรสชาติจัดจ้าน ต้องไม่พลาดร้าน Ma Liu Ji ที่ชั้น 6 ห้าง APM เมนูแนะนำคือเลือดเป็ดผัดพริกที่เครื่องแน่น ลิ้นชาสะใจ และไก่ผัดพริก ร้านนี้เป็นกระแสแรงมากในโซเชียลจีน คิวอาจจะยาวหน่อยแต่อร่อยคุ้มค่าการรอคอยครับ

ปิดท้ายด้วยของกินเล่นและของหวาน ที่พลาดไม่ได้คือไอศกรีมชาเขียว Wu Yu Tai หน้าห้าง Oriental Plaza ซึ่งมี 2 รสคือชาเขียวและชามะลิ แนะนำให้สั่งชามะลิเพราะจะหอมละมุนและสดชื่นมาก และอย่าลืมลองโยเกิร์ตปักกิ่ง หรือ ไน่เหลา ที่ขายตามตู้แช่ทั่วไปในขวดเซรามิกสีขาวปิดกระดาษ รสชาติเปรี้ยวหวานเข้มข้นครับ

ของฝาก

ของฝากยอดนิยมอันดับต้นๆ คือขนมเปี๊ยะจากร้าน Daoxiangcun สังเกตสัญลักษณ์ตรา 3 ใบไม้ แนะนำให้ซื้อขนมเปี๊ยะไส้พุทราจีนรูปดอกไม้และขนมลิ้นวัว แป้งพัฟรสเค็มหวาน โดยเลือกซื้อแบบชั่งน้ำหนักใส่กล่องจะดีที่สุดเพราะเลือกชิ้นที่ชอบได้เอง นอกจากนี้ยังมีรองเท้าผ้าใบ Nei Lian Sheng ซึ่งเป็นรองเท้าผ้าปักกิ่งทำมือ ใส่สบาย เหมาะซื้อฝากผู้ใหญ่ และหวีไม้จันทน์แกะสลักสวยงามที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตและมีความหมายมงคลครับ

คำแนะนำสำหรับนักเดินทาง

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนคือช่วงบ่าย 3 โมงถึง 2 ทุ่ม เพื่อเดินดูของในตอนบ่ายและชมไฟประดับในตอนค่ำ การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 มาลงสถานี Wangfujing ทางออก B1 จะโผล่ขึ้นมากลางแยกพอดี หรือสาย 8 สถานี Jinyu Hutong หากต้องการเริ่มเดินจากโซนเหนือ สำหรับเรื่องห้องน้ำ แนะนำให้เข้าในห้าง WF Central หรือ APM จะสะอาดและทันสมัยที่สุด หลีกเลี่ยงห้องน้ำสาธารณะริมถนน ห้างใหญ่ส่วนมากสามารถทำ Tax Refund ได้เมื่อซื้อครบ 500 หยวน อย่าลืมพกพาสปอร์ตตัวจริงไปด้วย และหากเดินไม่ไหว ก็มีรถรางบริการวิ่งหัวถนนถึงท้ายถนนให้นั่งชมเมืองได้ชิลๆ ครับ

ขอให้สนุกกับการเดินทะลุปรุโปร่งที่หวังฝูจิ่ง เก็บให้ครบทุกจุด แล้วคุณจะหลงรักถนนเส้นนี้แน่นอนครับ

[readmore link="https://www.tamkung.me/2025/12/1250108932886775500.html"]